ศบค. แจงยิบรายละเอียดผู้ติดเชื้อ “โอมิครอน” ในประเทศไทย ระบุทั้งโลกมีอัตราติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น เผยการสุ่มตรวจสายพันธุ์โควิดทั้งประเทศ พบเดลต้า 96.61% โอมิครอน 3.26% ส่วนกทม.จำนวน 180 ราย 81.1% เป็นเดลต้า 18.3% โอมิครอน ยันมีการปรับมาตรการรับนนท.เข้าประเทศไทยแน่นอน คาด Test&Go ให้มีการติดตามการตรวจRT-PCR มีการกักตัวในระยะเวลาที่ถึงไทยเพิ่มขึ้น
20 ธ.ค.2564 - พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประจำวัน ว่า ขอขอบคุณประชาชน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้วันนี้ (20 ธ.ค.) มีการฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส เข็มที่หนึ่งครอบคลุมประชากร 70.21% เข็มที่สองครอบคลุมประชากร 61.63% เข็มที่สามครอบคลุมประชากร 6.97% เข็มที่สี่ครอบคลุมประชากร 0.09% แต่ในขณะนี้ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศ โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกพบว่ามีการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น และอัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างช้าๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี ส่วนประเทศที่มีรายงานผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ ประเทศรัสเซีย 1,023 ราย ขณะที่การติดเชื้อในประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น เวียดนามติดเชื้อ 16,210 ราย มาเลเซีย 3,108 รายสิงคโปร์ 255 ราย
พญ.สุมนี กล่าวว่า ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกได้มีการชี้แจง ว่าเชื้อโอมิครอน มีการระบาดเพิ่มเร็วมากขึ้น 2 เท่า ใน 3 วันโดยพบการระบาดไปแล้วกว่า 89% และสหรัฐอเมริกามีการระบาดแล้วกว่า 36 รัฐ เนเธอร์แลนด์ มีการประกาศล็อคดาวน์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและในช่วงปีใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีของเนเธอร์แลนด์ ขอความร่วมมือประชาชนอยู่บ้านให้มากที่สุด สำหรับกิจกรรมที่มีการล็อคดาวน์ปิดกิจการไป จะเป็นกิจการที่ไม่จำเป็นเช่น บาร์ ฟิตเนส ร้านตัดผม โรงภาพยนตร์ ซึ่งมีการประกาศปิดไปตั้งแต่วันนี้ จนถึง 14 ม.ค.2565 นอกจากนี้ยังมีมาตรการของประเทศฝรั่งเศส ในการงดรับนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร ไม่ให้เข้าประเทศ
สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าไทยวันนี้ (20 ธ.ค.) ทั้ง 3 ประเภท เปรียบเทียบกันสองเดือนคือเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.1-19 ธ.ค. มีคนเดินทางเข้าประเทศ 160,445 ราย บางกว่าคนที่เดินทางเข้าประเทศในช่วงเดือนพ.ย.ซึ่งมีจำนวน 133,061 คน ผู้ติดเชื้อจำแนกตามประเภท พบว่าภาพรวมมีแนวโน้มสูงขึ้น ในเดือนพ.ย.มีผู้ติดเชื้อ 0.13% ขณะที่ในช่วงนี้เดือนธ.ค.อยู่ที่ 0.22% โดยเป็น Test&Go จาก 0.08% ของเดือนพฤศจิกายน ในเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นเป็น 0.15% ประเภทแซนด์บ็อก เดือนพฤศจิกายน 0.21% เดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นเป็น 0.27% ประเภทกักตัว เดือนพฤศจิกายน 0.18% และเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นเป็น 2.49%
ทั้งนี้ Test&Go มีการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยในวันที่มีการติดเชื้อมีจำนวนสูงสุดของผู้ที่เข้ามาในประเทศคือวันที่ 18 ธันวาคม จำนวน 37 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อประเภทกักตัว โดยวันที่มีรายงานติดเชื้อสูงสุด 11 ราย วันที่ 11,19 ธันวาคม ส่วน การติดเชื้อสูงสุดในระบบแซนบ็อกซ์มีรายงานติดเชื้อสูงสุด 7 ราย ในวันที่ 18 ธ.ค.สำหรับการรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในวันนี้จากทุกช่องทาง 13,664 รายมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 42 ราย Test&Go 24 ราย คิดเป็น 0.15% รองลงมาคือกักตัว 11 ราย คิดเป็น 2.49% และระบบแซนด์บ็อก 7 ราย คิดเป็น 0.27% ซึ่งเป็นจำนวนมากรองลงมาจากเมื่อวาน (19 ธ.ค.) จำนวน 49 ราย โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางแล้วมีอาการติดเชื้อมากที่สุด คือ จากสหราชอาณาจักร คิดเป็น 0.54% สหรัฐอเมริกาคิดเป็น 0.51% รัสเซีย 0.14%
สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศรวม 42 รายที่ติดเชื้อ มาจากบรูไน 1 ราย ระบบกักตัว สหราชอาณาจักร 9 ราย เข้าทั้งระบบ Test&Go และระบบกักตัว สหรัฐอเมริกา 6 ราย จาก Test&Go และการกักตัว ยูเครน 1 ราย เข้านะบบแซนด์บ็อก ออสเตรีย 2 ราย Test&Go เนเธอร์แลนด์ 1 ราย Test&Go รัสเซีย 4 ราย ระบบแซนด์บ็อก กัมพูชา 2 ราย Test&Go ฟินแลนด์ 1 ราย ระบบการกักตัว แอบเบเนีย 2 ราย แซนด์บ็อก เยอรมนี 2 ราย Test&Go สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4 ราย Test&Go และกักตัว ฝรั่งเศส 1 ราย Test&Go สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย เอธิโอเปีย 1 ราย เดนมาร์ก 1 ราย นอร์เวย์ 3 ราย เข้าระบบ Test&Go ทั้งนี้หากดูในจำนวน 42 รายที่มีการติดเชื้อส่วนใหญ่ทั้งหมดไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งระบบการคัดกรองการตรวจจับด้วย RT-PCR มีความจำเป็นมากรวมถึงการกักตัวเพื่อสังเกตอาการก็มีความสำคัญ
พญ. สุมนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนรายงานผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทย ที่มีรายงานเพิ่มเติมวันนี้ รายงานคลัสเตอร์จากสสจ. นนทบุรี ซึ่งมีความเชื่อมโยงในหลายจังหวัดไม่ว่าจะเป็นปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยเป็นกลุ่มคณะที่เดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวม 31 คน ที่ซาอุดิอาระเบีย ต้นเดือนธ.ค. 2564 และเดินทางกลับมาไทยวันที่ 15 ธ.ค. 2564 เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อตรวจหาเชื้อ โควิด-19 แบบ RT-PCR และพบเชื้อทั้งหมด 14 ราย เมื่อถอดรหัสพันธุกรรมพบว่ามีเชื้อโอมิครอน 6 ราย เดลต้า 8 ราย
หลังจากเข้ามาก็ได้มีการติดตามผู้สัมผัสเสียงสูงรวมถึงตรวจเพิ่มเติมพบติดเชื้ออีก2 รายในวันที่ 19 ธ.ค. และวันที่ 20 ธ.ค.ตรวจพบเพิ่มเติมอีก 2 ราย คลัสเตอร์ในกลุ่มนี้มี 18 ราย และยังรอผลการตรวจยืนยันสายพันธุ์อีก 4 ราย ขณะที่รายงานผู้ติดเชื้อคู่สามีภรรยา โดยเดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย เข้ามาในประเทศไทยวันที่ 26 พ.ย. 2564 ซึ่งเป็นวันก่อนประกาศมาตรการ8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงจากทวีปแอฟริกา ซึ่งคู่สามีภรรยาได้เข้าสู่ระบบแซนบ็อกซ์ โดยวันที่ 4-7 ธ.ค. สามีชาวต่างชาติ มีโรคประจำตัวเบาหวานเริ่มมีอาการไข้เจ็บคออ่อนเพลีย จึงมีการตรวจ ATK ผลตรวจเป็นลบ แต่ในวันที่ 7 ธ.ค.ยังคงมีอาการอยู่ภรรยาจึงพาไปโรงพยาบาลและได้ทำการตรวจแบบ RT-PCR ซึ่งผลการตรวจเป็นบวกแล้วได้เข้าทำการรักษาในโรงพยาบาล
ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค. ภรรยาได้มีการตรวจ RT-PCR และมีผลเป็นบวก ศึกในวันเดียวกันนี้ผลตรวจของสามียืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ตามทั้งสองรายได้มีการเข้ารับการรักษารวมถึงสอบสวนผู้สัมผัสเสียงสูงอีก 1 รายซึ่งผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกักตัวสังเกตุอาการ โดยมีผู้สัมผัสเสียงต่ำอีก 83 ราย ซึ่งทั้งหมดไม่มีอาการใดๆ และอยู่ระหว่างการกักตัวติดตาม ดังนั้นถือว่าผู้หญิงที่เป็นภรรยาของสามีชาวต่างชาติถือเป็นรายแรกที่ติดเชื้อโอมิครอน ในการประเทศไทย
ส่วนคลัสเตอร์นราธิวาส 3 ราย ที่มีผลตรวจ RT-PCR เป็นบวก โดยทั้ง 3 ราย กลับมาจากประเทศตะวันออกกลางซึ่งเดินทางไปทำกิจกรรมทางศาสนา เข้าประเทศมาทางสนามบินภูเก็ต ในประเภทนักท่องเที่ยวแบบแซนบ็อกซ์ โดย มีผู้สัมผัสเสียงสูง 4 ราย ผู้สัมผัสเสียงต่ำ 126 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการกักตัวตรวจติดตามอาการ ถึงวันที่ 27 ธ.ค. 2564 และทั้งหมดนี้ได้รับการตรวจ โควิด-19 แบบ RT-PCR ไปแล้ว ซึ่งมีผลเป็นลบ อย่างไรก็ตาม 1 ใน 3 คนนี้ มีการตรวจแบบถอดสายพันธุ์กรรมพบว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน โดยเป็นเพศชายอายุ 36 ปี ขณะที่อีก 2 ราย อายุ48,40 ปี เป็นสายพันธุ์เดลต้า ทั้ง 3 คนเป็นคนไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัว
ขณะที่กลุ่มที่มีรายงาน จากสำนักงานควบคุมโรคเขต 11 ที่เดินทางมายังสนามบินภูเก็ตและสนามบินสมุยรวม 7 ราย เป็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและคนไทย เข้ามาสนามบินภูเก็ตวันที่ 13 ธ.ค.4 ราย เข้ามาที่สนามบินสมุยวันที่ 15-16 ธ.ค. 3 ราย โดยทั้ง 7 รายพบผลบวกจากการตรวจ โควิด-19 แบบ RT-PCR ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเมื่อผลเป็นบวกได้มีการแยกรักษาตัวพร้อมทั้งมีการส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสายพันธุ์โดยการถอดรหัสพันธุกรรมโดยพบว่า7 ราย เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ขณะนี้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต 11 ได้มีการติดตามสอบสวนผู้สัมผัสเสียงสูงและผู้สัมผัสเสียงต่ำและจะได้มีการรายงานให้ทราบต่อไป
สำหรับการเฝ้าระวังในประเทศไทยซึ่งมีรายงานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ฯ ได้มีการชี้แจงถึงสายพันธุ์เฝ้าระวังในประเทศไทยขณะนี้มากที่สุด คือ เดลต้า 68.67% อัลฟา 29.79% เบต้า 1.41% และโอมิครอน 0.13%
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาวันที่ 11- 19 ธ.ค.2564 มีการสุ่มตรวจในภาพประเทศ โดยสุ่มตรวจจำนวน 1,595 ตัวอย่างพบว่าสายพันธุ์เดลต้า 96.61% ขณะที่สายพันธุ์โอมิครอน 3.26% แต่หากแยกในภาพของกรุงเทพมหานครจากการสุ่มตรวจจำนวน 180 ตัวอย่างพบว่า 81.1% สายพันธุ์เดลต้าและ 18.3% เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่ภูมิภาค สุ่มตรวจตัวอย่าง 1,415 ตัวอย่างพบว่า 98.6% เป็นสายพันธุ์เดลต้าและ 1.3% เป็นสายพันธุ์โอมิครอน การคาดการณ์การระบาดในกรณีที่คนในประเทศไม่มีภูมิคุ้มกันหากติดสายพันธุ์เดลต้า 1 คนสามารถแพร่เชื้อได้อีก 6.5 คน หากเทียบกับโอมิครอน 1 คน สามารถติดเชื้อ 8.45 คน แต่จากข้อมูลในประเทศแอฟริกา พบว่าคนที่ติดเชื้อโอมิครอน อัตราการป่วยหนัก นอนโรงพยาบาล ยังไม่ได้มากกว่าคนที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า
ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกได้มีการแนะนำเรื่องวัคซีนซึ่งเป็นวัคซีนกระตุ้นจะสามารถทำให้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโอมิครอนได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า หรือกลุ่ม mRNA สถานการณ์โอมิครอนในประเทศไทยขณะนี้ คล้ายกับสถานการณ์โลก คือ คนติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลกที่สายพันธุ์โอมิคนอนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทุกรายที่ ติดเชื้อในประเทศไทยมีการเชื่อมโยงการเดินทางที่มาจากต่างประเทศ ใน 1 ส่วน 4 ของคนที่มาจากต่างประเทศเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ไม่ใช่เฉพาะจากทวีปแอฟริกาเท่านั้นแต่เป็นนักเที่ยวที่มาจากหลายประเทศทั่วโลก
ดังนั้นการยกระดับในการจัดการมาตรการของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยจะต้องมีการปรับอย่างแน่นอน แล้วจะต้องมีการพิจารณาจากทางศบค. ชุดเล็ก และนำเสนอผอ.ศบค. เพื่อพิจารณาว่าจะมีมาตรการยกระดับหรือไม่อย่างไรเพราะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งมีการเรียกประชุมหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญโอมิครอน มีเคสตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย มาถึงได้ตรวจซ้ำในวันแรกผลยังเป็นลบ แล้วออกไปจากระบบแล้วมีอาการวันที่ 3-4 และเมื่อตรวจก็พบว่าผลเป็นบวก
ดังนั้นสายพันธุ์โอมิครอน จะมีระยะฟักตัวอยู่ช่วงหนึ่งที่ไม่สามารถตรวจจับได้ ดังนั้นการเข้าประเทศแบบ Test&Go ต้องมีวิธีการจัดการให้มีการตรวจจับได้มากขึ้นเช่นอาจจะต้องมีการปรับระบบการเข้าประเทศแบบ Test&Go ไปเป็นระบบที่มีการติดตามการตรวจRT-PCR หรือมีการกักตัวในระยะเวลาที่ถึงไทยเพิ่มขึ้น ส่วนจะเป็นระยะเวลาเท่าใดต้องขอให้ติดตามมาตรการต่อไป การตรวจสายพันธุ์โอมิครอน ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทุกศูนย์ในประเทศไทยสามารถตรวจจับและสามารถตรวจทุกสายพันธุ์ ที่เข้ามาในประเทศไทยได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โควิดรายสัปดาห์ ป่วยนอนโรงพยาบาล 1,823 ราย เสียชีวิต 12 ราย
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานเกาะติดยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16 - 22 มิถุนายน 2567
'สุริยะ' นั่งหัวโต๊ะถกครม. 'เศรษฐา' ติดโควิดยังไม่หาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ห้อ
‘เศรษฐา’ ลาป่วยติดโควิด กลับมาปฎิบัติงานวันที่ 19 มิ.ย.นี้
นายกรัฐมนตรี ได้พบแพทย์ หลังจากมีอาการป่วย อ่อนเพลียเล็กน้อย ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผลการตรวจพบว่าติดโควิด
ทุบสถิติปีนี้! ไทยติดโควิดใหม่รายสัปดาห์ทะลุ 2.7 พันคน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 2 - 8 มิถุนายน 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล
'หมอยง' ชี้สายพันธุ์โควิดในไทยตั้งแต่ต้นปีเปลี่ยนแปลงชัดเจน!
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 1,863 ราย ดับเพิ่ม 6 คน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 26 พ.ค. - 1 มิ.ย. 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่