ศบค.แจงติดเชื้อวันนี้ 3,370 ราย ตาย 29 ราย พบไม่ฉีดวัคซีนถึง 21 ราย สหรัฐหล่นแชมป์เดินทางเข้าไทยหลังโอมิครอนระบาด
15 ธ.ค.2564 - พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,370 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,239 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 3,161 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 78 ราย มาจากเรือนจำ 111 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 20ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 4,557 ราย อยู่ระหว่างรักษา46,315ราย อาการหนัก 1,018 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 277 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 29 ราย ในจำนวนนี้ไม่ได้รับวัคซีนถึง 21 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาย 6 ราย หญิง 23 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 23 ราย มีโรคเรื้อรัง 5 ราย เป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย จ.ชลบุรี อายุ 43 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน และไม่ได้รับวัคซีน ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,178,276 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,110,107 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,260 ราย ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 271,725,553 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 5,336,773 ราย
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดได้แก่ กทม. 583 ราย ชลบุรี 172 รายนครศรีธรรมราช 150 ราย สมุทรปราการ 140 ราย สงขลา 135 ราย ปัตตานี 117 ราย สุราษฎร์ธานี97 ราย เชียงใหม่ 89 ราย ปราจีนบุรี 76 ราย ตรัง 71 ราย ส่วนคลัสเตอร์ใหม่ยังมีในหลายจังหวัดประกอบด้วย คลัสเตอร์โรงงาน พบที่ ปราจีนบุรี ระยอง ขอนแกน คลัสเตอร์ตลาด พบที่ จันทบุรีสระแก้ว ลพบุรี คลัสเตอร์ค่ายทหาร ประจวบคีรีขันธ์ คลัสเตอร์งานศพที่ นราธิวาส ขอนแก่น และคลัสเตอร์ร้านอาหารที่ กทม.และสุราษฎร์ธานี ซึ่งคลัสเตอร์ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นร้านหมูกะทะ ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงใช้กะทะเดียวกัน และนั่งอยู่เวลานาน
พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโอมิครอนทั่วโลกขณะนี้กระจายตัวไป 70 ประเทศ และที่มีการระบาดหนักเกิดขึ้นใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย อังกฤษ เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ขณะที่ในประเทศไทยขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 11 ราย โดยจำนวนนี้รอการยืนยันถอดรหัสพันธุกรรมอยู่ 3 ราย อย่างไรก็ตามสายพันธุ์หลักที่แพร่ในไทยตอนนี้ยังเป็นเดลตา 99.58%
ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เพิ่มเติม 393,116 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 98,046,970 โดส สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบโดส คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (อีโอซี) ขอแจ้งให้ดำเนินการฉีดเข็มกระตุ้นเข็ม 3 โดยมีการเพิ่มสูตรไขว้ 2 สูตร คือ ผู้ที่ฉีดเข็ม 1 และ2 เป็นแอสตร้าเซเนก้า สามารถฉีดเข็ม 3 เป็นไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา โดยมีระยะห่างจากเข็มที่ 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และสำหรับผู้ที่ฉีดเข็ม 1 ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม แล้ว เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซเนก้า สามารถฉีดเข็ม 3 กระตุ้นได้ด้วยทั้งแอสตร้าเซเนก้า ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา โดยมีระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังฉีดเข็ม 2
พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงวันที่ 1-30 พ.ย.มีจำนวนทั้งสิ้น 133,061 คน ขณะวันที่ 1-14 ธ.ค.มีทั้งสิ้น 103,263 คน โดย 5 อันดับประเทศที่เข้ามามากที่สุดในเดือนธ.ค.ได้แก่ เยอรมนี สหราชอาณาจักร รัสเซีย สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกา โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศที่เดินทางเข้ามาอันดับ 1 เปลี่ยนจากสหรัฐ คาดว่าเพราะสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโอมิครอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอยง' เผยสถาการณ์โควิดเปลี่ยนไปมากคำแนะนำก็ต้องเปลี่ยนตาม
ศ.นพ.ยง ภู่รวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
'คารม' บอกรัฐบาลเฝ้าระวังโรคไอกรนใกล้ชิดผู้ปกครองไม่ต้องห่วง
'คารม' เผยรัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำเฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด ขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล
นายกฯ พบค่ายหนังยักษ์มะกันหวังดันไทยเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์
นายกฯ พบค่ายหนังยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ดันไทยเป็นฮับถ่ายทำภาพยนตร์ โชว์ซอฟพาวเวอร์ทำรายได้เข้าประเทศ
จับตา ‘อุ๊งอิ๊ง’! โชว์วิสัยทัศน์ เวทีผู้นำเอเปก
จับตา "นายกฯ อิ๊งค์" โกอินเตอร์! บินลัดฟ้าสหรัฐ ไม่ได้พบตัวแทนทำเนียบขาว แต่ไปเจอทีมไทยแลนด์ มอบนโยบายขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคอเมริกา