เผยงานวิจัยล่าสุดจากแอฟริกาใต้ 'Omicron' อาการรุนแรงน้อย แต่แพร่ระบาดเร็วกว่ามาก

'ที่ปรึกษาศบค.' เผยงานวิจัยล่าสุดจากแอฟริกาใต้ ได้ข้อสรุปที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า Omicron อาการรุนแรงน้อยกว่าเดิม แต่แพร่ระบาดเร็วกว่ามาก และวัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงมาก ชี้ประมาทไม่ได้

15 ธ.ค.2564 - ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

งานวิจัยล่าสุดจากแอฟริกาใต้ ได้ข้อสรุปที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า Omicron อาการรุนแรงน้อยกว่าเดิม แต่แพร่ระบาดเร็วกว่ามาก และวัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงมาก

งานวิจัยนี้มีกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโควิดถึง 211,000 คน (ติดเชื้อ Omicron 78,000 คน) ได้ข้อสรุป 4 ข้อดังนี้

1. การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อ Omicron ได้เพียง 33% แต่ยังป้องกันการป่วยหนักได้ 70%

2. การติด Omicron เชื้อซ้ำกับคนติดโควิดแล้ว เกิดขึ้นมากกว่าสายพันธุ์อื่นมาก (แสดงว่าภูมิที่ร่างกายสร้างขึ้นจากเชื้อสายพันธุ์ก่อนๆ ป้องกันไม่ได้ดีนัก เพราะ Omicron หน้าตาแปลกไปจากเดิม)

3. อัตราการเข้า รพ. ของผู้ติดเชื้อ Omicron นั้นต่ำกว่าอัตราการเข้า รพ.ของระลอกแรกของแอฟริกาใต้ถึง 29% หรือเกือบหนึ่งในสาม (ซึ่งอัตรานี้ตัดตัวแปรเรื่องการฉีดวัคซีนออกไปแล้ว)

4. ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ Omicron กลุ่มเด็กมีความเสี่ยงที่จะต้องเข้า รพ. มากกว่ากลุ่มอื่น 20%

ซึ่งทั้งนี้ ก็แน่นอนว่า ประมาทไม่ได้ เมื่อวันก่อนนายกอังกฤษเพิ่งยอมรับว่ามีคนตายจาก Omicron แล้ว (แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่) และเหลือบเห็นอีกข่าวบอกว่า อังกฤษกำลังโดน Omicron เล่นงานอย่างหนัก จนภายในอีกไม่กี่วัน น่าจะกลายเป็นสายพันธุ์ที่มีผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว
https://www.discovery.co.za/corporate/news-room