13 ธ.ค. 2564 – เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ศ.นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวถึงการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า เป็นข่าวดีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมเเละป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ยืนยันว่าเชื้อโอมิครอนจะเกิดไม่รุนแรง แต่ก็น่าเป็นห่วงเพราะแพร่เชื้อได้เร็วกว่าเดลตา 2-5 เท่า แต่ถ้าดูข้อมูลบ้านเราในขณะนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลงมาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ถือว่าประชาชนช่วยกันด้วยดี แต่อยากให้ดูข้อแตกต่างระหว่างบ้านเรากับยุโรป วัคซีนของยุโรปเขาฉีดได้ 80-90% แต่ติดเชื้อวันละถึง 3 หมื่นราย ส่วนที่เห็นชัดเขาต่างจากเราคือไม่ได้เคร่งครัดเรื่องมาตรการ โดยเฉพาะการใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งต่างจากคนไทย 99%ใส่หน้ากากอนามัย จึงอยากเตือนพวกเราอย่าชะล่าใจ เพราะวัคซีนไม่ได้ป้องกัน100% แต่เป็นพื้นฐานในการป้องกัน
ทั้งนี้โอมิครอนไม่รุนแรง ส่วนหนึ่งให้เครดิตวัคซีนเพราะมีการฉีดกันไปเยอะ และจากการดูตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเช้าวันที่ 13 ธ.ค. เข็มที่ 1 ขาดอีก 7 หมื่นคน จะครบ 100 ล้านโดส ส่วนเข็มที่ 2 ขาดอีก 2.3 ล้านคน จึงอยากให้ช่วยประชาสัมพันธ์คนที่ยังลังเลไม่ไปฉีด ขอให้ไปฉีดวัคซีนช่วยได้จริงๆ ถ้าไม่คิดถึงตัวเองก็ขอให้คิดถึงคนรอบข้าง แม้ท่านติดเชื้อไม่แสดงอาการ แต่เอาเชื้อไปติดคนอื่นได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุอาจเกิดอัตราการตายสูง อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการฉีดวัคซีนไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้จะส่งให้ครบ 100 ล้านโดสภายในเดือนพ.ย. เพราะคนยังลังเล แต่ขอให้เป็นไปตามเป้าภายในเดือนธ.ค. 70% ให้ครบ 2 เข็ม จึงอยากเรียกร้องให้มาฉีดเพราะจะช่วยปกป้องคนรอบข้างและประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินได้ รวมทั้งป้องกันโอมิครอน
“อย่างไรก็ตามเราหนีโอมิครอนไม่ได้แน่ ขณะนี้มี 8 รายแล้ว และกำลังจะมีเข้ามาอีก อย่างเช่นประเทศเกาหลี คนที่ติดโอมิครอนไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศเลย แต่เกิดจากภายในเพราะมีการกลายพันธุ์ของเชื้อและโอมิครอนแพร่ไปกว่า 60 ประเทศทั่วโลกแล้ว และยิ่งแพร่เชื้อเร็วกว่าเดลตา อย่างเช่นปีที่ผ่านมาการแพร่เชื้อของอัลฟา 80-90% ใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนก็กลายพันธุ์เป็นเดลตา ฉะนั้นถ้าเราไม่ระวังโอมิครอนจะมาแทนเดลตาแน่นอน สิ่งที่ป้องกันได้จริงคือวัคซีน และพฤติกรรมของตัวเราเอง ใส่แมส ล้างมือบ่อยๆ ยิ่งใกล้เทศกาลปีใหม่เป็นเรื่องที่น่าห่วง อยากให้ไปเที่ยว มีการจัดงาน แต่ก็ต้องระวัง” ศ.นพ.อุดม ระบุ
เมื่อถามว่า ห่วงเรื่องการกลายพันธุ์ระหว่างเชื้อเดลตากับโอมิครอน อาจมีการแลกเปลี่ยนสายพันธุกรรมจนเกิดเป็นลูกผสมหรือไฮบริด และอาจทำให้เชื้อรุนแรงขึ้นหรือไม่ ศ.นพ.อุดม กล่าวว่า มีความเป็นไปได้แน่นอน แต่การที่จะกลายพันธุ์ได้จะต้องมีการแพร่เชื้อออกไปถึงกลายพันธุ์ได้ ยิ่งแพร่เชื้อมากจะยิ่งมีโอกาสกลายพันธุ์ได้มาก ถ้าเราตัดขั้นตอนไม่ให้มีการแพร่กระจายได้ โอกาสกลายพันธุ์ก็จะลดลง ซึ่งเป็นหลักการทางการแพทย์ แต่ถ้าเราช่วยกันตามมาตรการสาธารณสุข จะเป็นการลดและช่วยป้องกันไม่ให้กลายพันธุ์ได้ด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 549 ราย ดับเพิ่ม 1 คน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2567
โควิดกลับมาระบาดใหม่ ‘หมอมนูญ’ ขออย่าตื่นตระหนก รักษาตามอาการหายได้
เวลาผ่านไปโรคโควิดลดความรุนแรงลง โรคโควิดไม่น่ากลัวหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวโรคโควิดมากเกินไป
สายการบิน 'ลุฟท์ฮันซา' ต้องจ่ายค่าปรับกรณีเลือกปฏิบัติต่อผู้โดยสารชาวยิว
สายการบินลุฟท์ฮันซาต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา เหตุเพราะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดขอ
ไทยติดโควิดรอบสัปดาห์ 353 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 6 - 12 ตุลาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่