11 ธ.ค. 2564 - นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศแจ้งเตือน เรื่อง พบการระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอน โดยเชื้อดังกล่าวมีศักยภาพสูงในการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน ทำให้ติดเชื้อง่ายและอาจทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ได้ในอนาคต ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้เตรียมรับมือในกรณีที่เกิดการระบาดขึ้นในประเทศ โดยกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มเติม ไปยังเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ดังนี้
1.ให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ยกระดับการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอน โดยเฉพาะผู้ต้องขังต่างชาติเข้าใหม่ ที่มาจากพื้นที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ ได้แก่ แอฟริกาใต้ บอตสวานา มาลาวี เอสวาตินี โมซัมบิก ซิมบับเว เลโซโท นามิเบีย อิตาลี อังกฤษ เดนมาร์ก เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ฮ่องกง อิสราเอล และออสเตรเลีย หรือประเทศอื่นตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจคัดกรอง และแยกกักผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าวอย่างน้อย 21 วัน ออกจากผู้ต้องขังเข้าใหม่รายอื่น พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT–PCR ก่อนออกจากห้องแยกกักโรค และตรวจหาเชื้อในกลุ่มเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุก ๆ 7-14 วัน หากพบติดเชื้อจะได้รับการรักษาทันที
2.การคัดกรองญาติที่มาเยี่ยมในเรือนจำและทัณฑสถาน โดยเฉพาะผู้มีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศ ให้แสดงผลการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม ก่อนเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ไปยังญาติผู้ต้องขังที่กลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากพื้นที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ เพื่อให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจ ถึงความจำเป็นในการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดดังกล่าว
3.จัดหาหน้ากากอนามัยให้กับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้ต้องขังทุกราย พร้อมจัดเตรียมแอลกอฮอล์เจล หรืออ่างล้างมือ เพื่อใช้ประจำจุดในเรือนจําและทัณฑสถานให้เพียงพอต่อการใช้งาน
4.เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน โดยปัจจุบัน มีผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับวัคซีนแล้วครบโดสแล้ว จำนวน 260,900 ราย หรือ 92.5% ของจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานทั้งหมด 282,204 ราย
5. ให้เรือนจำและทัณฑสถาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย ถือปฏิบัติตาม ข้อสั่งการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม (ศบค.ยธ.) และศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) อย่างเคร่งครัด
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ ยังคงดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาด และเชื่อว่าหากทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติตามมาตรการที่วางไว้ รวมถึงการปฏิบัติตามแนวทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อาทิ การเว้นระยะห่างระหว่างกัน การหมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอยู่เสมอ รวมถึงการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา จะช่วยให้สามารถควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'รมว.ยธ.' แนะ 'รพ.ตำรวจ' โชว์โปร่งใส ส่งเวชระเบียน 'ทักษิณ' ให้ ป.ป.ช.
'รมว.ยธ.' แนะ รพ.ตำรวจ ส่งเวชระเบียนรักษา 'ทักษิณ' ให้ ป.ป.ช. สร้างความโปร่งใสมีธรรมาภิบาล อ้างกรมราชทัณฑ์ให้ความร่วมมือตลอด
'นิพิฏฐ์' ท้าเปิดถ้วยให้แทงคดี 'ทักษิณ' ฟ้องหมิ่น ลั่น! ป่วยทิพย์ หรือ ป่วยจริง ต้องจบ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าป่วยทิพย์ หรือ ป่วยจริง ต้องจบ!!
กรมราชทัณฑ์ สั่งสอบเหตุนักโทษแทงกันดับ
กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 เกิดเหตุผู้ต้องขังทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายกัน ในเรือนจำกลางปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 12 ราย สาหัส 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย นั้น
'ไพศาล' ทุบโต๊ะ! การนำนักโทษออกนอกเรือนจำโดยไม่ขออนุญาตศาล บานปลาย
นายไพศาล พืชมงคง นักกฎหมาย นักวิจารณ์การเมือง โพสต์ข้อความว่า เรื่องการนำนักโทษออกนอกเรือนจำโดยไม่ขออนุญาตศาล บานปลาย
คปท. เสนอ กรมราชทัณฑ์ กรณีคุมขังนอกเรือนจำ
คปท.เห็นด้วยในหลักการของการกักขังนอกเรือนจำ โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่ป่วยด้วยโรคติดต่อร้ายแรงหรือแม้แต่ผู้ต้องขังหญิงที่ท้องก่อนมาเข้าเรือนจำเพราะลูกในท้องเขาไม่ได้ร่วมกระทำผิด แต่ คปท.เสนอว่า
กรมคุก ยังไม่มีการประสานตัวส่ง 'โกทรและพวก' ย้ายคุมขัง
รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ ยังไม่ได้รับรายงานการประสานตัวส่ง โกทร-พวก ย้ายคุมขังจาก เรือนจำนครนายกมา เรือนจำพิเศษกรุงเทพ