โควิดโลกทะลุ 264 ล้านคน! 'หมอธีระ' อัปเดตข้อมูลวิจัย 'โอไมครอน'

3 ธ.ค. 2564 – รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ทะลุ 264 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 647,419 คน ตายเพิ่ม 6,772 คน รวมแล้วติดไปรวม 264,374,232 คน เสียชีวิตรวม 5,248,748 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา เยอรมัน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซีย จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 93.98 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 93

ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นมากถึงร้อยละ 64.99 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 60.75 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก

…สำหรับสถานการณ์ไทยเรา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 4,971 คน สูงเป็นอันดับ 24 ของโลก หากรวม ATK อีก 1,788 คน จะขยับเป็นอันดับ 20 ของโลก ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากตุรกี และเวียดนาม

…แอฟริกาใต้ ตอนนี้ Omicron ระบาดขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว 3 วันที่ผ่านมา ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันเพิ่มจาก 4,373 –> 8,561 –> วันนี้รายงานเพิ่มเป็น 11,535 คน และมีอัตราการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า

นอกจากนี้จากข้อมูลของ Dr.Ridhwaan Suliman สัดส่วนของการตรวจพบสายพันธุ์ Omicron ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งถึงศักยภาพในการระบาดวงกว้าง ซึ่งจะมาจากสมรรถนะของการแพร่เชื้อติดเชื้อ หรือการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน หรือทั้งสองอย่าง คงต้องรอติดตามผลการวิจัยที่จะออกมาในเวลาถัดจากนี้

…ยุทธศาสตร์การป้องกันโอไมครอนของไทย

1.ไม่ควรบอกว่าเอาอยู่ คุมได้ เพื่อหวังจะสร้างความเชื่อมั่น เพราะไม่มีใครในโลกที่จะเชื่อมั่นในเรื่องนี้ได้ ในเมื่อยังไม่รู้จักข้าศึกอย่าง Omicron ดีพอ ทั้งเรื่องสมรรถนะการแพร่เชื้อติดเชื้อ การป่วย การตาย และการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ขนาดประเทศแอฟริกาใต้ที่เคยผ่านการระบาดหนักมากมาหลายระลอก คนติดเชื้อจำนวนมากที่อาจมีภูมิคุ้มกันระดับหนึ่งหลังติดเชื้อ ก็กำลังเผชิญการระบาดหนักอยู่ขณะนี้ ดังนั้นจึงควรยืนอยู่บนความไม่ประมาท มองเป็น worst case scenario ไว้ จะได้เตรียมรับมืออย่างเข้มงวดเข้มแข็ง ประชาชนก็จะได้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โอกาสมีพฤติกรรมการป้องกันก็จะมากขึ้น โอกาสรอดและรับมือได้จะมากกว่า

2.ตอนนี้ระบาดกระจายไปทั่วโลกแล้ว ทุกทวีป และขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงควรทบทวนนโยบายเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ควรขันน็อตการตรวจคัดกรองโรค การกักตัว ระบบติดตามตัว รวมถึงเร่งขยายจุดบริการตรวจ RT-PCR ของประเทศเตรียมรับมือความต้องการที่จะมากขึ้นยามที่เกิดการระบาด

ที่ต้องเฝ้าระวังไม่ใช่แค่จากทวีปแอฟริกาอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องเฝ้าระวังทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพบเคส

…อัปเดตข้อมูลจากการวิจัยเกี่ยวกับ Omicron

Omicron สามารถติดเชื้อในคนที่เคยมีประวัติติดเชื้อโรคโควิด-19 มาก่อน ได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 2.4 เท่า (ช่วงความเชื่อมั่น 1.88-3.11 เท่า)

การวิจัยของ Pulliam JRC และคณะ จากแอฟริกาใต้ ศึกษาพบว่าตั้งแต่มีนาคม 2020 จนถึงพฤศจิกายน 2021 มีคนที่ติดเชื้อซ้ำกว่า 35,000 คนตั้งแต่ระลอกสายพันธุ์ดั้งเดิมจากอู่ฮั่น มาเป็นสายพันธุ์เบต้า เดลต้า และมาถึงโอไมครอนในปัจจุบัน หากวิเคราะห์อัตราการติดเชื้อซ้ำ (reinfection) ตามสายพันธุ์ จะพบว่าสายพันธุ์เบต้ากับเดลต้านั้นมีอัตราการติดเชื้อซ้ำที่น้อยกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่สำหรับโอไมครอนกลับพบว่ามีการติดเชื้อซ้ำมากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งอาจบอกให้เราเข้าใจได้ว่า ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 มาก่อนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันโอไมครอนได้

ประโยชน์ที่เราได้จากข้อมูลนี้คือ คนไทยกว่าสองล้านคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ก็ยังถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงต้องตระหนัก และ”ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดกันทุกคน” ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก อยู่ห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร

อ้างอิง Pulliam JRC et al. Increased risk of SARS-CoV-2 reinfection associated with emergence of the Omicron variant in South Africa. medRxiv. 2 December 2021.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอยง' ชี้สถานการณ์โควิดเปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่ไวรัสยังอยู่ต่อไป

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 5 ปี โควิด 19 กาลเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน

โควิดกลับมาระบาดใหม่ ‘หมอมนูญ’  ขออย่าตื่นตระหนก รักษาตามอาการหายได้

เวลาผ่านไปโรคโควิดลดความรุนแรงลง โรคโควิดไม่น่ากลัวหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวโรคโควิดมากเกินไป

สายการบิน 'ลุฟท์ฮันซา' ต้องจ่ายค่าปรับกรณีเลือกปฏิบัติต่อผู้โดยสารชาวยิว

สายการบินลุฟท์ฮันซาต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา เหตุเพราะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดขอ