ไทยมีรุ่นลูกรุ่นหลานของโควิด-19สายพันธุ์ XBB.1.16 แล้ว!

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์เผยไทยมีรุ่นลูกรุ่นหลานของอาร์คทูรัสแล้ว ถอดรหัสพันธุกรรมแล้วการเติบโตและการแพร่ระบาดแทบไม่ต่างกันไม่ว่าจะเชื้อรุ่นไหน ผลวิจัยย้ำการใช้มาตรการคุมหลากหลายลดตายได้

26 เม.ย.2566 – เพจ Center for Medical Genomics หรือศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดีโพสต์รูปพร้อมเนื้อหาว่า อาร์คทูรัส (Arcturus) XBB.1.16 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว พบรุ่นลูก รุ่นหลานแล้วในไทย

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้วิเคราะห์ข้อมูลรหัสพันธุกรรมจากฐานข้อมูลโควิดโลก “จีเสส (GISAID)” ณ. วันที่ 24 เมษายน 2566 พบ XBB.1.16 (การกลายพันธุ์ตำแหน่งที่จำเพาะ S:E180V, S:478R)
โดยทั่วโลกพบ 3,439 ราย ประเทศไทยพบ 24 ราย

รุ่นลูก
XBB.1.16.1 (S:T547I) ทั่วโลกพบ 909 ราย ประเทศไทยพบ 1 ราย

รุ่นหลาน
XBB.1.16.1.1 (T3802C): นามแฝง FU.1 ทั่วโลกพบ 122 ราย ประเทศไทยยังไม่พบ
XBB.1.16.1.2 (C8692T): นามแฝง FU.2 ทั่วโลกพบ 68 ราย ประเทศไทยยังไม่พบ
XBB.1.16.2 (ORF3a:V13L, ORF1a:P926H) ทั่วโลกพบ 232 ราย ประเทศไทยพบ 6 ราย
XBB.1.16.3 (A2893C) ทั่วโลกพบ 72 ราย ประเทศไทยพบ 1 ราย

ศูนย์จีโนมฯ รพ. รามาธิบดี ได้ทำการวิเคราะห์จากรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ทั้งจีโนมพบว่า
โอไมครอนลูกผสม XBB.1.16.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage)
เหนือกว่า XBB.1.16 ประมาณ 9%

โอไมครอนลูกผสม XBB.1.16.1.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage)
เหนือกว่า XBB.1.16 ประมาณ 29%

โอไมครอนลูกผสม XBB.1.16.1.2 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage)
เหนือกว่า XBB.1.16 ประมาณ 20%

โอไมครอนลูกผสม XBB.1.16.2 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage)
เหนือกว่า XBB.1.16 ประมาณ 1%

สรุปได้ว่า ความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด ระหว่าง XBB.1.16 และ XBB.1.16 ที่กลายพันธุ์ไปในรุ่นลูก รุ่มหลาน ไม่แตกต่างกันมากนัก

ในอาเซียนประเมินว่าสิงคโปร์จะมีการระบาดของโอไมครอนลูกผสมสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16 มากที่สุด

ส่วนโอไมครอน XBB.1.16 รุ่นลูก หรือรุ่นหลานจะกลายพันธุ์ก่อให้เกิดอาการติดเชื้อรุนแรงหรือไม่ คงต้องเฝัาติดตาม

ดร.อริจิตต์ จักรวารตี (Arijit Chakravarty) จากสถาบัน Fractal Therapeutics ในเมืองเล็กซิงตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับนักวิจัยจากสถาบันต่างๆ ศึกษาข้อจำกัดของการพึ่งพาวัคซีนเพียงอย่างเดียวในการควบคุมและหยุดยั้งการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 พวกเขาสรุปว่าอัตราการแพร่เชื้อโควิด-19 ที่สูงมากเป็นการเอื้ออำนวยการกลายพันธุ์เกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ได้ แม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มประชากรทั่วโลกก็ยังไม่พอเพียง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำมาตรการอื่นมาผนวกรวมด้วย เช่น กินร้อน ช้อนกลาง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม การใช้ยาต้านไวรัส และแอนติบอดีสังเคราะห์ ฯลฯ เพื่อลดระดับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลงอย่างมีประสิทธิภาพ

ประเทศที่ใช้หลายมาตรการเข้ามาช่วยควบคุมการระบาดของโควิด-19 เช่น ญี่ปุ่น และไทย จะมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ค่อนข้างต่ำ คือ 0.2% และ 0.7% ในขณะที่ประเทศที่ใช้มาตรการอย่างไม่เคร่งครัด เช่น อเมริกา และอังกฤษ จะมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ค่อนข้างสูง คือ 1% และ 0.9% ตามลำดับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'มาริษ' ขอบคุณนานาชาติเลือกไทยนั่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

'รมว.กต.' ขอบคุณ หลังไทยได้รับเลือกนั่ง HRC วาระ 2568-2570 ยืนยันจะเป็นสะพานเชื่อมความแตกต่างของชาติสมาชิก แสดงความมุ่งมั่นส่งเสริมสถานะประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนไทยให้เป็นที่ยอมรับ

'ดร.ธรณ์' ชี้มหาพายุเฮอริเคน 'มินตัน' สภาพอากาศสุดขั้ว คนอเมริกานับล้านต้องอพยพหนี

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า