WHO ประเมิน XBB.1.5 ไม่ต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้า

หมอธีระเผย WHO ออกรายงานประเมินความเสี่ยงโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.5 แล้ว ชี้ความรุนแรงไม่ต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้า ย้ำยังต้องป้องกันตัวเองให้ตระหนักเรื่อง Long COVID ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด

01 มี.ค.2566 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิดประจำวันที่ 1 มีนาคม 2566 ว่าเมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 70,428 คน ตายเพิ่ม 316 คน รวมแล้วติดไป 679,923,891 คน เสียชีวิตรวม 6,799,868 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน รัสเซีย และออสเตรีย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 18 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 94.08 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 80.37

...ผลประเมินความเสี่ยงของ XBB.1.5
องค์การอนามัยโลกออกรายงานประเมินความเสี่ยงของ Omicron สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดังที่ทราบกันดีว่า XBB.1.5 นั้นเป็นสายพันธุ์ย่อยที่เกิดขึ้นจากการผสมกันของไวรัสในสายของ BA.2 จนถึงสัปดาห์ที่สามของกุมภาพันธ์ มีรายงานพบ XBB.1.5 ไปแล้ว 74 ประเทศทั่วโลก

ตอนช่วงที่เป็น XBB.1 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งพันธุกรรมที่ทำให้ไวรัสจับกับตัวรับ ACE2 ที่ผิวเซลล์ลดลงไป แต่พอมีการกลายพันธุ์เป็น XBB.1.5 พบว่าตำแหน่งพันธุกรรมที่เปลี่ยนแปลงคือ 486P นั้นทำให้สมรรถนะในการจับกับตัวรับ ACE2 ที่ผิวเซลล์เป้าหมายได้แน่นมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้สายพันธุ์ย่อยนี้มีการระบาดที่ขยายตัวได้รวดเร็วกว่าเดิม

ในขณะที่การหลบหลีกภูมิคุ้มกันนั้น ข้อมูลวิชาการชัดเจนว่า XBB.1.5 มีความดื้อต่อภูมิคุ้มกันพอๆ กับ XBB.1 ซึ่งถือว่าสายพันธุ์นี้เป็นหนึ่งในไวรัสที่ดื้อต่อภูมิคุ้มกันที่สุดในบรรดาทุกสายพันธุ์ย่อยของ Omicron ที่มีมา การดื้อต่อภูมิคุ้มกันนี้ ทำให้แอนติบอดี้จากวัคซีนรุ่นเก่านั้นไม่เพียงพอที่จะจัดการไวรัสได้ แต่ข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า การกระตุ้นด้วยวัคซีนรุ่นใหม่คือ Bivalent vaccine ที่มีการปรับให้สามารถกระตุ้นภูมิต่อ Omicron BA.5 ได้นั้นจะทำให้มีแอนติบอดี้ที่สูงกว่าวัคซีนรุ่นดั้งเดิมได้

ทั้งนี้ระดับแอนติบอดี้หลังฉีดเข็มกระตุ้น จะลดลงตามเวลาที่ผ่านไป แต่เชื่อว่าระบบภูมิคุ้มกันระดับเซลล์ของร่างกาย (T-cells) จะยังคงทำงานต่อสู้กับไวรัสเมื่อเกิดการติดเชื้อ และช่วยลดเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงได้ ในแง่ของการป่วยรุนแรงจาก XBB.1.5 นั้น ข้อมูลที่มีอยู่ทำให้เชื่อว่ามีความรุนแรงไม่ต่างจากสายพันธุ์ก่อนๆ และลักษณะตำแหน่งพันธุกรรมที่เปลี่ยนแปลงของ XBB.1.5 นั้น คาดว่าไม่มีตำแหน่งใดที่จะส่งผลต่อเรื่องสมรรถนะการทำให้ป่วยรุนแรงมากขึ้น

โดยสรุปแล้ว ทางทีมองค์การอนามัยโลกคาดว่า XBB.1.5 จะยังคงทำให้เกิดการขยายตัวของการระบาดมากขึ้น อันเนื่องมาจากข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถนะด้านต่างๆ ข้างต้น

...ดังนั้นจึงควรดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีสติ ไม่ประมาท ป้องกันตัวสม่ำเสมอระมัดระวังพฤติกรรมเสี่ยง สถานที่เสี่ยงปรับปรุงเรื่องการระบายอากาศให้ดี ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ที่เรียน ที่กินดื่ม การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องจะช่วยลดเสี่ยงลงไปได้มาก ทั้งจากโควิด-19 และ PM2.5 ตอนนี้รอบตัวก็ยังคงมีคนที่ติดเชื้อ ทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก มีอาการป่วย แม้ไม่รุนแรง แต่ขอให้ตระหนักถึงเรื่องผลกระทบระยะยาวอย่าง Long COVID ไว้ด้วยเสมอ ไม่ติดเชื้อ หรือไม่ติดซ้ำ ย่อมดีที่สุด

อ้างอิง : XBB.1.5 Updated Risk Assessment. 24 February 2023.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คารม' บอกรัฐบาลเฝ้าระวังโรคไอกรนใกล้ชิดผู้ปกครองไม่ต้องห่วง

'คารม' เผยรัฐบาลร่วมบูรณาการเฝ้าระวังโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในโรงเรียน เน้นย้ำเฝ้าระวัง ติดตามอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่ระบาด ขอผู้ปกครองอย่าเป็นกังวล

จุฬาฯ เดินหน้ายุทธศาสตร์ใหม่ สร้าง Siam Square ให้เป็นพื้นที่สำหรับคนไทยทุกคน รวมพลคนพิการโชว์พลังครั้งใหญ่ที่สุด!

อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำทีม PMCU (สำนักทรัพย์สินจุฬาฯ) และ มูลนิธิ Five for All เปิดงาน Siam Square Walking Street For All ครั้งแรก! บนพื้นที่ใจกลางสยามสแควร์ ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับคนไทยทุกคน ทุกกลุ่ม