มีหนาว! ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาฯ เผยกำลังเกาะติดการกลายพันธุ์ของโควิด-19 จากการใช้ยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ในคนไข้ 4 ราย ชี้ผลจิวัย ตปท.ทำให้กลายพันธุ์มาก
09 ก.พ.2566 - เพจ Center for Medical Genomics หรือศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์รูปหรือเนื้อหาระบุว่า ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดีเริ่มติดตามการกลายพันธุ์จำเพาะบนจีโนมโควิด-19 อันเนื่องมาจากการใช้ยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ประเทศไทยขณะนี้พบ 4 ราย
ยาโมลนูพิราเวียร์ (MoInupiravir) เป็นยาเม็ดชนิดรับประทาน ออกฤทธิ์ต้านไวรัส เดิมพัฒนาขึ้นเพื่อใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่
ต่อมาพบว่ายาโมลนูพิราเวียร์ สามารถออกฤทธิ์ต่อต้านไวรัสโคโรนาหลายชนิด เช่น โรคซาร์ส โรคเมอร์ส และเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19
หากให้ยาโมลนูพิราเวียร์ ในช่วงระยะต้นของการติดเชื้อ จะลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ลดอัตราการป่วยหนัก ลดความเสี่ยงการเข้ารักษาในโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิตลงได้ประมาณร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ยา
ยาโมลนูพิราเวียร์ ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศไทยในปลายปี 2564 และในออสเตรเลียในต้นปี 2565
ตัวยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบโครงสร้างบางส่วนของอาร์เอ็นเอซึ่งเป็นสารพันธุกรรมในไวรัสโคโรนา-2019 ทำให้จีโนมของไวรัสเกิดการกลายพันธุ์กระจัดกระจายจนไม่สามารถแบ่งตัวแพร่ระบาดใน(เซลล์)มนุษย์อีกต่อไปได้
แต่นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มเริ่มกังวลว่าในผู้ป่วยบางรายการรักษาด้วยยาโมลนูพิราเวียร์อาจไม่สามารถกำจัดไวรัสโคโรนา-2019 ให้หมดไปจากร่างกายได้ภายใน 5 วัน ทำให้อาจกระตุ้นให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์อันเนื่องมาจากยาโมลนูพิราเวียร์
ดร. ธีโอ แซนเดอร์สัน จากสถาบันฟรานซิส คริก ลอนดอน และทีมวิจัยจากสหราชอาณาจักรได้โพสต์บทความบนเซิร์ฟเวอร์ของ “medRxiv” ในเดือนมกราคม 2566 (ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ) แสดงให้เห็นว่าจากการตรวจกรองรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมกว่า 13 ล้านตัวอย่างจากฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” ในปี 2565 ที่มีการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย พบรหัสพันธุกรรมของโควิด-19 จากหลายประเทศมีการกลายพันธุ์ในลักษณะที่จำเพาะที่บ่งชี้ว่าผู้ติดเชื้อได้รับประทานยาโมลนูพิราเวียร์ โดยพบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มเล็ก(cluster) การกลายพันธุ์จำเพาะที่ว่าคือมีอัตรา G-to-A และ C-to-T สูงขึ้นเทียบกับผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในการรักษา
การกลายพันธุ์ในลักษณะจำเพาะ (มีอัตรา G-to-A และ C-to-T สูงขึ้น) พบในประเทศที่มีการอนุญาตใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และไทย มากกว่าประเทศที่ไม่อนุมัติให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ เช่น ฝรั่งเศสและแคนาดา อย่างมีนัยสำคัญ
ประเทศที่มีการอนุมัติให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์
• ออสเตรเลีย พบการกลายพันธุ์จำเพาะ (อันเกิดจากการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์) 97 ราย จากตัวอย่าง(ที่อัปโหลดไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID”) ทั้งสิ้น 119,194 ราย
• สหรัฐอเมริกา พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 60 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 1,911,997 ราย
• สหราชอาณาจักร พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 23 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 1,218,724 ราย
• ญี่ปุ่น พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 20 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 321,520 ราย
• เยอรมนี พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 10 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 503,014 ราย
• อิสราเอล พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 9ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 107,477 ราย
• ไทย พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 4 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 21,459ราย
ฯลฯ
ประเทศที่ไม่อนุมัติให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์
• ฟินแลนด์ พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 0 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 17,978 ราย
• ฝรั่งเศส พบการกลายพันธุ์จำเพาะ 0 ราย จากตัวอย่างทั้งสิ้น 313,680 ราย
ฯลฯ
เชื้อโควิดกลายพันธุ์จำเพาะพบมากในผู้สูงอายุซึ่งมีแนวโน้มที่จะรับประทานโมลนูพิราเวียร์มากกว่าคนหนุ่มสาวและคนวัยกลางคน และในออสเตรเลียซึ่งมีโมลนูพิราเวียร์ไว้ใช้ในบ้านพักคนชราพบไวรัสกลายพันธุ์จำเพาะถึง 25 ตำแหน่งโดยพบการแพร่ติดเชื้อในกลุ่มคนอย่างน้อย 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุอยู่ในวัย 80 และ 90 ปี
สรุปได้ว่าการรักษาด้วยโมลนูพิราเวียร์ทำให้ไวรัสเกิดกลายพันธุ์ไปอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่จีโนมจะเสียหายไม่สามารถระบาดสืบทอดลูกหลานต่อไปได้ แต่ยังมีส่วนน้อยที่แม้จีโนมมีการกลายพันธุ์ไปมากแต่ยังสามารถแพร่ระบาดได้ในวงจำกัด ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าโควิด-19 กลายพันธุ์จากยา โมลนูพิราเวียร์จะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันหรือมีการติดเชื้อรุนแรงหรือไม่
ข้อควรระวัง ผู้วิจัยใช้การสันนิษฐานว่าการกลายพันธุ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยโมลนูพิราเวียร์ แต่ข้อมูลจากฐานข้อมูลโควิดโลก "GISAID" ส่วนหนึ่งจะไม่มีข้อมูลว่าผู้ติดเชื้อโควิดรักษาด้วยยาต้านไวรัสหรือไม่ และเป็นประเภทใด
https://www.medrxiv.org/con.../10.1101/2023.01.26.23284998v1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอยง' เผยสถาการณ์โควิดเปลี่ยนไปมากคำแนะนำก็ต้องเปลี่ยนตาม
ศ.นพ.ยง ภู่รวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
เปิดข้อมูล ‘ไวรัสโควิด’ สร้างได้ในห้องทดลอง มีจดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี 2018
การสร้างไวรัสใหม่ชนิดนี้จะสามารถครอบคลุมไวรัสที่จะแพร่และเกิดโรคระบาดในมนุษย์ได้ทั้งสิ้น และสามารถที่จะสร้างวัคซีนให้มนุษย์ก่อนได้
สัญญาณอันตราย!สหรัฐพบไวรัสไข้หวัดนกในหมูเสี่ยงระบาดครั้งใหม่
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ศูนย์สนับสนุนพันธกิจ
ประสบการณ์เฉียดตายของดารารุ่นใหญ่ ‘อัล ปาชิโน’
โควิด-19 เกือบคร่าชีวิตของเขา - อัล ปาชิโน นักแสดงชาวอเมริกัน ล้มป่วยหนักเมื่อปี 2020 หนักมากจนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอด
มาอีกแล้ว! ไวรัสตัวใหม่ 'มาร์บูร์ก' น้องๆอีโบลา
เพจศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ศูนย์สนับสนุนพันธกิจ
ศูนย์จีโนมฯ จับตาโอมิครอน KP.2.3/XEC ลูกผสมพันธุ์ใหม่ แพร่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โอมิครอน KP.2.3/XEC : ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่แพร่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า