นายกฯ ยินดีองค์การเภสัชฯ ผลิตยาโมนูลพิราเวียร์ได้เอง มุ่งสู่ศูนย์กลางด้านการแพทย์

นายกฯยินดีองค์การเภสัชสามารถผลิตยาโมนูลพิราเวียร์ได้เอง อีกก้าวสำคัญตอกย้ำศักยภาพและการพัฒนาด้านสาธารณสุขและเวชภัณฑ์ของไทย เผยชาติอาเซียนขยายกรอบความร่วมมือด้านยาต่อเนื่อง เสริมความมั่งคงด้านสาธารณสุขให้ประชาชนในภูมิภาคเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ

29 ธ.ค.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีกับความก้าวหน้าในการพัฒนายาที่สำคัญของประเทศไทย โดยล่าสุดองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กระทรวงสาธารณสุข สามารถพัฒนายาโมลนูพิราเวียร์ ภายใต้ชื่อ ยาโมโนเวียร์ ในรูปแบบแคปซูลขนาด 200 มิลลิกรัม และผลิตได้เองซึ่งจะมาทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศต่อไป
 
โดยปัจจุบันยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาหลักที่ใช้รักษาโรคโควิด19 ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทย โดยมีการใช้ยาอยู่ประมาณ 1-2 แสนแคปซูลต่อวัน  ซึ่งขณะนี้ อภ. ได้เริ่มผลิตยาและอยู่ระหว่างการกระจายยาไปยังสถานพยาบาลรัฐและเอกชน เพื่อเป็นยาสำหรับผู้ป่วยโควิด19 ที่ได้รับวินิจฉัยว่าควรได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ทั้งผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล หรือผู้มีใบสั่งยาจากแพทย์ก็สามารถไปซื้อยาได้ที่ร้านยาของ อภ.ทั้ง 8 สาขาได้
 
“นับแต่เกิดการระบาดของโควิด19 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านเวชภัณฑ์ทั้งยารักษาโรค วัคซีน เครื่องมือการตรวจคัดกรองต่างๆ ในส่วนของยาก่อนหน้านี้ อภ. ก็สามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้สำเร็จ และครั้งนี้สามารถผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ได้ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ย้ำถึงความสามารถในการพัฒนายาของไทย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการจะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสาธารณสุขต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
 
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากการวิจัยและพัฒนาในประเทศแล้ว ปัจจุบันไทยมีความร่วมมือกับองค์กรและต่างประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาคอาเซียนเกี่ยวกับเรื่องยาในหลายมิติ ซึ่งล่าสุดมีการขับเคลื่อนกรอบการกำกับดูแลด้านยาของอาเซียน (ASEAN Pharmaceutical Regulatory Framework: APRF) ซึ่งขณะนี้ประเทศสมาชิกอยู่ระหว่างทยอยให้การรับรอง โดยการดำเนินการส่วนของไทย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 65 ได้เห็นกรอบดังกล่าวและมอบหมายให้ รมว.พาณิชย์หรือผู้แทน และรมว.สาธารณสุข หรือผู้แทน ร่วมกันรับรองในนามประเทศไทยต่อไป
 
โดย APRF จะเป็นแนวทางการกำกับดูแลยาที่สอดคล้องกันในอาเซียน สร้างความมั่นใจว่าคนในภูมิภาคอาเซียนจะเข้าถึงยาที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และประสิทธิภาพ ด้วยการเชื่อมโยงหน่วยงานกำกับดูแลยา สาธารณสุขและสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความร่วมมืออย่างใกล้ชิด วางพื้นฐานในการพัฒนาความตกลงของอาเซียนว่าด้วยการกำกับดูแลด้านยา (APRF Agreement) ให้เป็นเอกสารทางกฎหมายที่กำหนดความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียนในกฎระเบียบด้านยา และการค้า นำไปสู่การดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดอุปสรรคทางเทคนิคที่มีต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยา เพื่ออนาคตของตลาดยาอาเซียน ส่งเสริมความมั่นคง การพึ่งตนเองด้านยาในภูมิภาค เป็นการรับรองการเข้าถึงยาคุณภาพสูง ปลอดภัย มีประสิทธิภาพทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์โรคต่างๆ
 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอยง' ชี้ 'โควิด' ระบาดหนัก แต่รุนแรงลดลง เข้าใกล้ไข้หวัดใหญ่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19

‘เศรษฐา’ ลาป่วยติดโควิด กลับมาปฎิบัติงานวันที่ 19 มิ.ย.นี้

นายกรัฐมนตรี ได้พบแพทย์ หลังจากมีอาการป่วย อ่อนเพลียเล็กน้อย ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผลการตรวจพบว่าติดโควิด

ทุบสถิติปีนี้! ไทยติดโควิดใหม่รายสัปดาห์ทะลุ 2.7 พันคน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 2 - 8 มิถุนายน 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล