'หมอธีระ' ตีระฆังเตือนพบผลศึกษายืนยันโควิดดื้อต่อภูมิคุ้มกัน

29 พ.ย. 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่า…

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 174,759 คน ตายเพิ่ม 778 คน รวมแล้วติดไป 646,366,341 คน เสียชีวิตรวม 6,637,358 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล ไต้หวัน และฝรั่งเศส

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 76.25 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 74.93

…ลักษณะสายพันธุ์ย่อยในออสเตรเลีย

Esterman A. ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ระบาดในออสเตรเลียขณะนี้ พบว่าเป็นไปในลักษณะหลากหลายสายพันธุ์แบบ variant soup

โดยมีทั้ง BA.5 39%, BA.2.75 26%, BQ.1 19%, XBB 4% และอื่นๆ

ลักษณะดังกล่าว เป็นที่คาดการณ์กันว่าประเทศอื่นๆ ก็จะเป็นไปในลักษณะนี้ โดยมีสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่น่ากังวลได้แก่ BQ.1.x, XBB, BA.2.75.x ที่อาจมีสัดส่วนสูงแตกต่างกันไปในแต่ละทวีป และจะมาเทคโอเว่อร์ BA.5 ในเวลาไม่นาน ทั้งนี้ BQ.1.x จะครองสัดส่วนนำในอเมริกาและยุโรป ส่วน BA.2.75.x และ XBB จะเด่นในแถบเอเชีย

การระบาดในไทยเรามีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางข้างต้น

…ตีระฆังเตือนยืนยันเรื่องการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน

ทีมงานของ David Ho จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยใน bioRxiv เมื่อวานนี้ 28 พฤศจิกายน 2565 ชี้ให้เห็นว่า สายพันธุ์ย่อยใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น BQ.1.x และ XBB นั้นดื้อต่อภูมิคุ้มกันทั้งจากวัคซีน และการที่เคยติดเชื้อมาก่อน มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้อย่างมาก

แม้ข้อมูลทางคลินิกในปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าจะทำให้ป่วยรุนแรงมากขึ้นกว่าสายพันธุ์ที่เคยระบาดเดิม

แต่สมรรถนะการดื้อต่อภูมิคุ้มกันที่มากขึ้นนั้น ย่อมส่งผลทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นหรือแพร่กันได้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ประการนี้เอง ที่เป็นตัวตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันตัวระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องการใส่หน้ากาก เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เลี่ยงสถานที่แออัดระบายอากาศไม่ดี รักษาความสะอาด และเว้นระยะห่างจากคนอื่น
Personal protective behaviors เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด

…ทางเดินประวัติศาสตร์การแพร่ของแต่ละสายพันธุ์

โควิด-19 แพร่ระบาดมาหลายปี โดยมีสายพันธุ์ที่หลากหลาย

หากเปรียบเทียบกันตัวต่อตัว จะพบว่า ในระยะเวลา 100 วันแรกของการระบาด สายพันธุ์ Omicron นั้นแพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นที่ระบาดมาก่อน ถึง 5 เท่า

แต่ละระลอกที่ผ่านมา ตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิม (Wuhan: Wild type), เบต้า, แกมม่า, อัลฟ่า, เดลต้า, และ Omicron นั้น ก็มีลักษณะของทวีปที่มีการระบาดหนักก่อนกระจายไปยังทวีปอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป

…สำหรับระลอกอนาคตนั้น ลักษณะการระบาดน่าจะมีแนวโน้มแตกต่างไปจากอดีต เพราะมีปัจจัยเรื่องการเดินทางระหว่างประเทศเกิดขึ้นมาก การระบาดจะเป็นลักษณะหลากหลายสายพันธุ์ แปรผันกับการนำเข้าส่งออก รวมถึงสมรรถนะของไวรัสแต่ละสายพันธุ์ พฤติกรรมการป้องกันตัวและการใช้ชีวิตของประชากร ชนิดและความครอบคลุมของวัคซีนที่ใช้ และอื่นๆ

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งในแง่จำนวนการติดเชื้อ การป่วย การตาย และ Long COVID นั้น จึงมีโอกาสสูงที่จะแปรผันกับนโยบายควบคุมป้องกันโรค และความพร้อม”จริง”ของระบบสาธารณสุขของประเทศนั้น ทั้งเรื่องยาที่ได้มาตรฐาน วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ บริการดูแลต่างๆ ว่าประชาชนในประเทศจะเข้าถึง และพึ่งพาได้หรือไม่ ยามที่เกิดปัญหา

ผลลัพธ์ที่พึงปรารถนาของทุกสังคมคือ ยามวิกฤติ ประชาชนสามารถพึ่งพาและได้รับความช่วยเหลือดูแลอย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพ โดยทั่วถึงกัน

ไม่ต้องเผชิญกับภาวะสิ้นหวัง รอคอย จนต้องดิ้นรนทุบกระปุกขวนขวายหาทางรอดกันเอาเองแบบอัตตาหิ อัตตโน นาโถ

…สถานการณ์ปัจจุบันนั้น จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาทในการดำรงชีวิต

ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ทั้งช่วงทำงาน เรียน หรือท่องเที่ยว

ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนด

ใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอยง' ชี้สถานการณ์โควิดเปลี่ยนตามกาลเวลา ปีนี้ยุติแล้ว แต่ไวรัสยังอยู่ต่อไป

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 5 ปี โควิด 19 กาลเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน

โควิดกลับมาระบาดใหม่ ‘หมอมนูญ’  ขออย่าตื่นตระหนก รักษาตามอาการหายได้

เวลาผ่านไปโรคโควิดลดความรุนแรงลง โรคโควิดไม่น่ากลัวหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวโรคโควิดมากเกินไป

สายการบิน 'ลุฟท์ฮันซา' ต้องจ่ายค่าปรับกรณีเลือกปฏิบัติต่อผู้โดยสารชาวยิว

สายการบินลุฟท์ฮันซาต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา เหตุเพราะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดขอ