หมอธีระเผยข้อมูลองค์การอนามัยโลกชี้อัตราติดเชื้อโควิดและเสียชีวิตเพิ่มชัดเจนในทวีปอเมริกา และแปซิฟิกตะวันตก ส่วนผลสำรวจลองโควิดในญี่ปุ่น ระบุหญิงมีโอกาสมากกว่าชาย
03 พ.ย.2565 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ว่าเมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 215,345 คน ตายเพิ่ม 551 คน รวมแล้วติดไป 636,191,953 คน เสียชีวิตรวม 6,596,671 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 91.93 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 80.58
...อัปเดตจาก WHO
องค์การอนามัยโลกออกรายงานประจำสัปดาห์ WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อคืนนี้ 2 พฤศจิกายน 2565 สถานการณ์ระบาดรายสัปดาห์ล่าสุด มีอัตราการติดเชื้อใหม่และการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นชัดเจนทั้งในทวีปอเมริกา และแถบภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปแอฟริกานั้นมีอัตราการเสียชีวิตรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น
ส่วนเรื่องสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 นั้น ปัจจุบัน Omicron ครองสัดส่วนการระบาดทั่วโลกถึง 99.9%
ทั้งนี้หากจำแนกตามสายพันธุ์ย่อยของ Omicron ตรวจพบว่าเป็น BA.5 ถึง 74.9%, BA.2 7%, BA.4 4.8%
สำหรับสายพันธุ์ที่น่ากังวลนั้น พบว่า BQ.1.x ได้เพิ่มขึ้นจาก 5.7% --> 9% BA.2.75 เพิ่มจาก 2.9% --> 3.7%
และ XBB เพิ่มจาก 1.0% --> 1.5%
ด้วยข้อมูลต่างๆ ข้างต้น จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ระบาดอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังตัว ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ
...อัปเดต Long COVID ล่าสุดมีข้อมูลจากญี่ปุ่น และแอฟริกาใต้ เกี่ยวกับอัตราการเกิดปัญหา Long COVID
Jassat W และคณะ จาก National Institute for Communicable Diseases ประเทศแอฟริกาใต้ ได้รายงานผลการศึกษาพบว่า อัตราการเกิดปัญหา Long COVID ในผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ช่วงสายพันธุ์ Omicron นั้น มีราว 18.5%
ในขณะที่รัฐบาลท้องถิ่น Ibaraki Prefecture ของญี่ปุ่น ได้รายงานผลการสำรวจประชากรจำนวน 2,441 คนที่ติดเชื้อในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมีการทำการสำรวจในเดือนมิถุนายน 2565 (ราว 3 เดือนหลังจากติดเชื้อ) พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งประสบปัญหาอาการผิดปกติหลังจากหายจากการติดเชื้อ (50.06%)
ทั้งนี้เพศหญิงมีสัดส่วนของผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID มากกว่าเพศชาย และกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 30-40 ปี ประสบปัญหามากกว่ากลุ่มคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี มีเพียงหนึ่งในสี่ของผู้ที่ประสบปัญหา Long COVID ที่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยมาจากหลายเหตุผล รวมถึงการไม่รู้ว่าจะต้องไปรับการรักษาที่ไหนอย่างไร ทำให้ทางรัฐบาลท้องถิ่นต้องออกประกาศว่าจะทำการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ และจัดระบบบริการดูแลรักษาและให้คำปรึกษาให้มีความพร้อมที่จะรองรับผู้ป่วย Long COVID ให้มากขึ้น
...สำหรับประชาชนไทยเรา ควรตระหนักว่าการระบาดยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อมูลสถานการณ์ในประเทศนั้นได้รับรู้กันน้อยลง จำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ การไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นถือเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อลดป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และลดความเสี่ยงของ Long COVID การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
อ้างอิง
1. Jassat W et al. A cohort study of Post COVID-19 Condition across the Beta, Delta and Omicron waves in South Africa: 6-month follow up of hospitalised and non-hospitalised participants. medRxiv. 1 November 2022.
2. コロナ後遺症5割 30、40代女性は65% 茨城県調査. The Sankei News. 1 November 2022.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สุชัย'แจกอัดฉีดซีเกมส์3ล้าน หวังเทนนิสไทยได้เหรียญ 'เอเชี่ยนเกมส์'ที่ญี่ปุ่น
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2568 "บิ๊กสุชัย" นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของคณะนักกีฬาเทนนิสทีมชาติไทย ที่ทำผลงานได้ 3 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 10-19 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี
จุฬาฯ-มหิดล ผนึกกำลังสร้างนวัตกรรมเวชสำอางจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ไทย เตรียมทดสอบทางคลินิกที่ศิริราช
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามถ่ายทอดเทคโนโลยี "AnthoRice™ Complex" นวัตกรรมเซรั่มบำรุงรากผมจากสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ไทย
จุฬาฯ จับมือ Founder Institute สหรัฐฯ เปิดตัวโครงการ 'Go Global Startup Bootcamp: Chula - DC Silicon Startup Bridge' ปั้นสตาร์ทอัพไทยสู่เวทีโลก
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) เดินหน้ายกระดับศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมไทย เปิดโครงการ “ติดอาวุธเสริมศักยภาพธุรกิจนวัตกรรมสู่สากล (Go Global Startup Bootcamp): Chula – DC Silicon Startup Bridge” ร่วมกับ Founder Institute (FI) ประเทศสหรัฐอเมริกา” ซึ่งเป็นเครือข่ายนักลงทุน การบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการบริษัทสตาร์ทอัพของไทย ในการเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนาธุรกิจในระดับสากล ทั้งในด้านองค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การระดมทุน ตลอดจนการก้าวเข้าสู่เครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลก

