รัฐบาลขอบคุณคนไทยร่วมมือสู้โควิดย้ำยังต้องใส่แมสก์ต่อ

รัฐบาลขอบคุณทุกภาคส่วน ร่วมมือมาตรการภาครัฐ ส่งผลลดระดับโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง 1 ต.ค.นี้ ขอความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัยต่อ เพื่ออยู่กับโควิดได้อย่างปลอดภัย

29 ก.ย.2565 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการภาครัฐเป็นอย่างดีจนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ส่งผลให้ ศบค. ได้มีมติยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร และกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศลดระดับโรคโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (Post - Pandemic) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอให้ประชาชนทุกคนยังต้องมีการเฝ้าระวังและป้องกันตนเองจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย สามารถดำเนินชีวิตและขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคมได้ตามปกติ

โดยกรณีผู้ที่มีอาการป่วยทางเดินหายใจ ให้ปฏิบัติตามมาตรการ DMHT โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือเมื่อต้องใกล้ชิดกับผู้อื่น ขณะที่ประชาชนทั่วไปแนะนำให้สวมหน้ากากเมื่อเข้าไปในสถานที่ผู้คนแออัด หรือพื้นที่ปิดอากาศไม่ถ่ายเท เช่น โรงพยาบาล สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ/เด็กเล็ก เป็นต้น รวมไปถึงการขนส่งสาธารณะที่มีคนหนาแน่น อาทิ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และให้ตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วยตามความจำเป็น สำหรับในส่วนของหน่วยงาน องค์กร สถานประกอบการ ให้คัดกรองอาการป่วยของพนักงานเป็นประจำ โดยหากมีพนักงานป่วยจำนวนมากให้รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อจะได้ดำเนินการควบคุมและป้องกันได้ทันต่อสถานการณ์และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม

“นอกจากการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข DMHT และการสวมหน้ากากอนามัยแล้ว ในส่วนประชาชนที่ไม่เคยรับการฉีดวัคซีน รวมถึงผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ก็ขอความร่วมมือให้เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครกำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และช่วยลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดได้ ซึ่งจะทำให้เราอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างปลอดภัย และให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้ ตลอดจนเพื่อรองรับการเตรียมเข้าสู่ฤดูกาลของการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย” นายอนุชา กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ฝันต่อยอดงาน 'THACCA SPLASH' เพิ่มมูลค่าไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้าน!

นายกฯ พร้อมต่อยอดความสำเร็จจากงาน 'THACCA SPLASH - Soft Power Forum 2024' ปฐมบทการส่งเสริม 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย ตั้งเป้าหมายสร้างมูลค่าไม่น้อยกว่า 4 ล้านล้านบาท

รัฐบาลตีปี๊บผลงานผลักดันท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้าไทย 17.5 ล้านคน

นายกฯ ผลักดันจนเห็นผลสำเร็จท่องเที่ยวไทยเป็นรูปธรรม 6 เดือนแรก 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 17.5 ล้านคน สร้างรายได้ 8.25 แสนล้านบาท เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองหลักเชื่อมโยงเมืองน่าเที่ยว

'เศรษฐา' ชวนคนไทยเชียร์ตัวแทนทีมชาติไทยในโอลิมปิกปารีส 2024

นายกฯ ส่งกำลังใจเชียร์ทัพนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยร่วมแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งที่ 33 วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 นี้ เชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์และรับชมถ่ายทอดสด

รัฐบาลฝันประชุม JTC ครั้งที่ 3 ดันมูลค่าการค้ากระฉูด

นายกฯ ผลักดันต่อยอดความร่วมมือไทย-มาเลเซียทุกมิติต่อเนื่อง เชื่อมั่นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 จะส่งเสริมตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นในทุกมิติ

รัฐบาลฟุ้งปรับโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าลดการผูกขาดเอกชน!

โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลปรับโครงสร้างพลังงานไฟฟ้า ลดการผูกขาดภาคเอกชน ดำเนินโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง

ตีปี๊บงานซอฟต์พาวเวอร์ชวนคนไทยเข้าชมฟรี 28-30 มิ.ย.ศูนย์ประชุมสิริกิติ์

นายกฯ เชื่อมั่นศักยภาพ Soft Power ไทยพร้อมโชว์สู่สายตานานาชาติ ผ่านการจัดงาน THACCA SPLASH - Soft Power Forum 2024 ครั้งแรกในไทย 28 – 30 มิ.ย. นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์