'หมอหนู' ชง ศบค. ไฟเขียวมาตรการรับ 'โควิด' โรคติดต่อเฝ้าระวัง

23 ก.ย. 2565 – เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ถึงการเตรียมยกเลิกประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ว่า สำหรับแผนรองรับหลังยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น เรามีทั้งมาตรการและแผนปฏิบัติการที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติประชุมกันเมื่อวันพุธ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา และเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาครั้งนี้ ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนปฏิบัติการกับโรคติดต่อเฝ้าระวังตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติให้ลดระดับจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ซึ่งมีโรคแบบนี้อยู่ 50 กว่าโรค เขามีแผนขั้นพื้นฐานของอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นหรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีคำว่าโรคประจำถิ่นอยู่แล้ว คำว่าโรคประจำประจำถิ่นเป็นภาษาที่หมอเขาใช้กัน แต่ในพระราชบัญญัติโรคติดต่อไม่มีคำนี้

เมื่อถามย้ำว่า ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นโรคประจำถิ่นแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรายังให้การดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลอยู่ เพราะขณะนี้ยาเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ใช้หลักจดทะเบียนเป็นยาที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ ยังไม่สามารถหายาเหล่านี้ได้ตามท้องตลาดทั่วไป

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้ป่วยที่มีอาการน้อยไม่ต้องกักตัวนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เดี๋ยวว่ากัน มีรายละเอียดอยู่ ตนยังไม่สามารถลงรายละเอียดตรงนี้ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ขอบคุณสื่อตั้งฉายา ภูมิใจทำประโยชน์บ้านเมือง ปัดขวางใคร อุ้ม 2 รมต.โลกลืม

'อนุทิน' น้อมรับฉายาสื่อทำเนียบฯ ลั่นภูมิใจทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่ได้คิดขวางใคร อวย 'แพทองธาร' ตั้งใจทำงาน แจงแทน 2 รมต.โลกลืม 'เพิ่มพูน' พูดน้อยแต่ผลงานอื้อ

'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ฉายารัฐบาลปี67 นายกฯ'แพทองโพย' อนุทิน'ภูมิใจขวาง' วาทะแห่งปี'สามีเป็นคนใต้'

สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 'รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง' ส่วนฉายานายกฯ 'แพทองโพย' 7 รมต.ติดโผ 'บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี' พ่วง 3 รมต.โลกลืม

'อนุทิน-เนวิน' ใช้สิทธิเลือกตั้งเทศบาลบุรีรัมย์ ยันไม่ส่งคนลงแข่ง อบจ.ทุกจังหวัด

“อนุทิน-เนวิน” ใช้สิทธิเลือกตั้ง ทน.บุรีรัมย์ ยันไม่ส่งคนลงแข่ง อบจ.ทุกจังหวัดในนามพรรค ชี้ความรุนแรงที่ปราจีน เป็นความขัดแย้งส่วนตัว