ผลวิจัยสหรัฐชี้ติดเชื้อ 'โควิด' เสี่ยงโรคสมอง-ระบบประสาท

23 ก.ย. 2565 – รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 339,797 คน ตายเพิ่ม 853 คน รวมแล้วติดไป 618,925,607 คน เสียชีวิตรวม 6,535,597 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น รัสเซีย ไต้หวัน ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 18 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 90.83 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 75.26

…สถานการณ์ระบาดของไทย

จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 13 ของโลก และอันดับ 7 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม

…อัปเดตความรู้ Long COVID

“แนวทางการดูแลผู้ป่วย Long COVID” ล่าสุด Greenhalgh T และคณะ ได้เผยแพร่แนวทางการดูแลผู้ป่วย Long COVID ในวารสารการแพทย์ระดับโลก British Medical Journal เมื่อวานนี้ 22 กันยายน 2565

แนวทางนี้ครอบคลุมตั้งแต่การซักประวัติ ตรวจร่างกาย ประเมินปัจจัยเสี่ยง การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ และแนวทางการดูแลรักษาและส่งต่อ (ดังรูปแรก)

“การติดเชื้อโรคโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางสมองและระบบประสาทในระยะยาว”

Xu E และคณะ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลวิจัยสำคัญในวารสารการแพทย์ระดับโลก Nature Medicine เมื่อวานนี้ 22 กันยายน 2565

โดยดูอัตราการเกิดโรคทางสมองและระบบประสาท ณ 12 เดือน ระหว่างกลุ่มคนที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวน 154,068 คน เปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่เคยติดเชื้อ จำนวนกว่า 11 ล้านคน ทั้งในช่วงเวลาเดียวกันและในอดีต จากฐานข้อมูล the US Department of Veterans Affairs ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชากรสูงอายุ อายุเฉลี่ยราว 60 ปี (±15 ปี) และเป็นเพศชายราวร้อยละ 90

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการผิดปกติทางสมองและระบบประสาท มากกว่าคนที่ไม่เคยติดเชื้อถึง 1.42 เท่า โดยมีอัตราการเกิดเฉลี่ย 70 คนจาก 1,000 คน ณ 12 เดือน หรือราว 7%

ปัญหาทางสมองและระบบประสาทนั้นเกิดได้ทั้งในคนที่ติดเชื้อที่แล้วอาการน้อย และที่อาการรุนแรง เกิดได้ตั้งแต่อาการผิดปกติด้านความคิดความจำ อารมณ์ หลอดเลือดสมองแตกตีบตัน สมองอักเสบ ชัก ไมเกรน การรับรู้ความรู้สึกที่ผิดปกติ และอื่นๆ

ผลการวิจัยนี้ตอกย้ำให้เราตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวหลังติดเชื้อโรคโควิด-19 เพราะก่อนหน้านี้ก็มีงานวิจัยที่พิสูจน์ให้เห็นความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดแม้จะผ่านไป 12 เดือนหลังจากติดเชื้อก็ตาม และงานวิจัยนี้ก็เพิ่มเติมให้เห็นว่าเกิดความเสี่ยงต่อสมองและระบบประสาทด้วยเช่นกัน

การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเสมอ ไม่หลงต่อกิเลสหรือการชี้นำผิดๆ ว่าจะใช้ชีวิตปกติแบบในอดีต เพราะการระบาดของโรคยังมีอยู่มาก

ติดแล้วไม่จบแค่ชิลๆ แล้วหาย แต่ป่วยได้ตายได้ และเกิดปัญหา Long COVID ได้ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม ดังนั้นพฤติกรรมตัวและความใส่ใจสุขภาพของตัวเราเองจึงมีความสำคัญมาก

ใส่หน้ากากนะครับ ใส่อย่างถูกต้อง หากติดเชื้อควรแยกตัวจากคนอื่นตามความรู้ทางการแพทย์ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว การที่ติดเชื้อแล้วออกไปใช้ชีวิต โอกาสป้องกันการแพร่เชื้อจะเป็นไปได้ยากมาก และจะนำไปสู่การเจ็บป่วย และความสูญเสียตามมาได้

คนที่ป่วย ควรบอกคนใกล้ชิดทั้งที่บ้านและที่ทำงาน และแยกตัวจากคนอื่น รักษาตัวให้หายดีเสียก่อน เจ้าของกิจการ ควรใส่ใจดูแลบุคลากร ไม่ควรให้คนป่วยทำงาน เพราะเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่เชื้อให้กับบุคลากรในที่ทำงาน ลูกค้าหรือผู้มารับบริการ เกิดความสูญเสีย และกระทบต่อภาพลักษณ์ชื่อเสียงของกิจการในที่สุด

ทุกคนควรระลึกถึงบทเรียนในรอบปีกว่าที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้น และเพราะเหตุใด ควรป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาอีก

อ้างอิง

1.Greenhalgh T et al. Long covid—an update for primary care. BMJ. 22 September 2022

2.Xu E et al. Long-term neurologic outcomes of COVID-19. Nature Medicine. 22 September 2022.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตา ‘อุ๊งอิ๊ง’! โชว์วิสัยทัศน์ เวทีผู้นำเอเปก

จับตา "นายกฯ อิ๊งค์" โกอินเตอร์! บินลัดฟ้าสหรัฐ ไม่ได้พบตัวแทนทำเนียบขาว แต่ไปเจอทีมไทยแลนด์ มอบนโยบายขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคอเมริกา

นายกฯอิ๊งค์ เตรียมบินไปสหรัฐ ร่วมประชุมเอเปก

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และร่วมการประชุมผู้นำประเทศ