รัฐบาลเปิดไทมไลน์วัคซีนฝีมือคนไทยชนิดต่างๆ

คาดวัคซีนโควิดฝีมือคนไทยทดลองแล้วเสร็จ 2566 และขึ้นทะเบียนนำออกใช้ภายในปี 2567 ด้านวัคซีนเชื้อตายความร่วมมือ อภ.-สถาบัน PATH สหรัฐขึ้นทะเบียนปีหน้า

15 ก.ย.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเป็นโครงการที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบกลางปี 2563 เพื่อดำเนินการใน 3 กิจกรรมวงเงินรวม 995.03 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าทั้ง 3 กิจกรรมประกอบด้วย 1.งานด้านการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนชนิด Viral vector เพื่อทดสอบกระบวนการผลิตวัคซีนกลุ่ม Adenovirus ตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการระดับโรงงานต้นแบบจนถึงระดับอุตสาหกรรมและรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐาน งบประมาณดำเนินการ 596.24 ล้านบาท ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

2.การพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำในประเทศไทยชนิด mRNA มีงบประมาณดำเนินการ 365 ล้านบาท มีการพัฒนาวัคซีน 2 รุ่น ประกอบด้วย วัคซีนรุ่นที่1 (1st Gen ChulaCoV -19, Wild-type) จะใช้เวลาเกินกว่าแผนเดิมที่มีกำหนดเสร็จสิ้นเดือนก.ย. 65 ประมาณ 4-6 เดือน เนื่องจากมีการปรับกระบวนการผลิต ทำให้ต้องทดสอบเรื่องความปลอดภัยและความเป็นพิษในสัตว์ทดลองและในอาสาสมัครเพิ่มเติมเพื่อเทียบเคียงวัคซีนที่ผลิตในต่างประเทศ วัคซีนรุ่นที่ 2 (2nd Gen ChulaCoV-19;New variants) ที่ตอบสนองต่อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนโดยศึกษาในสัตว์ทดลองจะดำเนินการจนถึง พ.ค. 2566

3.การเพิ่มศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านสัตว์ทดลอง งบประมาณที่ได้รับ 33.79 ล้านบาท เพื่อพัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบวัคซีนและยาในสัตว์ไพรเมท คาดว่าจะนำมาติดตั้งได้ในเดือนก.ย. 2565 นี้ และสามารถรับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพระดับที่ 3 ได้ในเดือนต.ค.65 และสามารถทดลองใช้งานได้ระหว่างเดือนพ.ย.2565 – ม.ค.2566

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนโควิด19 ชนิด mRNA ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและพัฒนาวัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2566 จะเป็นการวิจัยคลินิกระยะที่3 หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนรับการอนุมัติขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และนำออกใช้ ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษาฯ(อว.) ได้รายงานว่าจะมีการอนุมัติภายในปี 2567

สำหรับวัคซีน Baiya SARS-CoV2-Vax (ผลิตจากโปรตีนใบยาสูบ) ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยคนไทยทั้งหมดคือระหว่างบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวง อว. ได้รายงานว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับสูตรเพื่อทดสอบทางคลินิกในระยะที่2 จะศึกษาวิจัยในระยะที่ 3 ในต้นปี 2566 ก่อนจะขึ้นทะเบียนภายในปี 2567 เช่นเดียวกัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ด้านโครงการที่ร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ คือการพัฒนาวัคซีนโควิด19 ชนิดเชื้อตาย NDV-HXP-S ซึ่งองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมกับสถาบัน PATH สหรัฐ ดำเนินการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 2 ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และจะเริ่มระยะที่ 3 ในปลายปี 2565 นี้ และขึ้นทะเบียนภายในปี 2566

นอกจากนี้กระทรวง อว. รายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าของวัคซีนชนิดหยอดจมูก (Ad-5 Wuhan) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ว่าได้มีการทดสอบพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิได้ดี ปลอดภัยในสัตว์ทดลอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิตวัคซีนในโรงงานต้นแบบ จะมีการพัฒนาต่อเนื่องสำหรับรองรับโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ในอนาคต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลชวนปชช. จอง-แลกเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เริ่ม 24 ก.ค.

รัฐบาลเชิญชวนประชาชน จอง-แลกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญเฉลิมพระเกียรติ 'ในหลวง' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ตั้งแต่ 24 ก.ค.นี้

'พีระพันธุ์' ข้องใจนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด 'คนเดียวกันพูดคนละอย่างได้อย่างไร' จี้ป.ป.ส.แจง

'พีระพันธุ์' ข้องใจ นำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด 'คนเดียวกันพูดคนละอย่างได้อย่างไร' เล็งให้ ป.ป.ส.แจง หลังนโยบายชักเข้าชักออก ขอคุยก่อนประชุม ย้ำต้องอธิบายให้ได้

“สมศักดิ์” เห็นชอบตั้ง “ชาญเชาวน์” อดีตปลัดยุติธรรม จับมือหน่วยงานเกี่ยวข้องปราบบุหรี่ไฟฟ้า กวดขัน “ห้ามพกพา-สูบ” ในสถานที่ราชการ สนามบิน

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 1

'คารม' แจงยิบยัน 'กยศ.' คิดดอกเบี้ยอัตรา 1%

'คารม' ย้ำ กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาคิดดอกเบี้ยอัตรา 1% ตั้งแต่เริ่มกู้จนชำระเสร็จสิ้น ไม่มีการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย ขอให้ผู้กู้ยืมชำระหนี้ตามจำนวนที่แจ้งในหน้าแอปพลิเคชัน กยศ.Connect