'หมอยง' ชี้โควิดรอบใหม่ระลอกที่ 6 ยังไม่ถึงจุดสูงสุด

"หมอยง" เผยโควิดระบาดรอบใหม่ระลอกที่ 6 มีจุดสูงสุดปลายเดือน ก.ค. และตลอดเดือน ส.ค. เริ่มลดลงในช่วงโรงเรียนปิดเทอม ทุกอย่างต้องเดินหน้า ไม่ปิดเมือง ปิดประเทศอีกแล้ว ยันสัดส่วนผู้ป่วยเข้า รพ.และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น แนะกลุ่มเสี่ยงสูงฉีดวัคซีนลดอาการ

14 ก.ค.2565 - ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง โควิด 19 ระลอกที่ 6 ยังไม่ถึงจุดสูงสุด" มีเนื้อหาดังนี้

การระบาดของ covid 19 รอบใหม่นี้นับเป็นระลอก ที่ 6 เป็นการระบาดด้วยสายพันธุ์ โอมิครอน BA.5 ตามรูป จะมีจุดสูงสุดปลายเดือนนี้และตลอดเดือนหน้า สิงหาคม เดือนหน้านักเรียนมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมหมด และจะเริ่มลดลงในช่วงนักเรียนสอบและปิดเทอม

ทุกอย่างต้องเดินหน้า ด้วยมาตรการให้ความสำคัญในการลดการติดเชื้อ และจะไม่มีการ ปิดเมือง ปิดประเทศ ปิดโรงเรียน แล้ว ทุกอย่างมีความสำคัญกับอนาคตของประเทศ

จำนวนผู้ป่วยถ้าคิดเป็นสัดส่วนจะพบว่ามีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือน้อยกว่า และมีอัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ไม่เกิน 1% ของผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือน่าจะ เป็น 0.1% หรือน้อยกว่าของผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขนี้กำลังลดลงไปใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่

เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ เราจึงเห็นสัดส่วนของการนอนโรงพยาบาล และการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ดังนั้นถึงแม้จะมีผู้ป่วยเป็นหลักหมื่น หรือหลายหมื่น จะมีผู้เข้ารับการรักษาและแจ้งยอดให้กระทรวงสาธารณสุข จะอยู่ที่ 2,000 คน และมีการเสียชีวิต 20 คน ดังนั้นอัตราการเสียชีวิต ในจำนวนนี้ จะอยู่ที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อทั้งสิ้นหลายหมื่นคน ซึ่งสูงกว่าระลอกที่ 5 แน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเสี่ยงสูงควรได้รับวัคซีนให้เต็มที่เพื่อลดอาการ และถ้าติดเชื้อถึงแม้จะมีอาการน้อย ทันทีที่รู้ว่าติดเชื้อ ก็ควรจะได้รับยาต้านไวรัสเพื่อการรักษาในทันที ให้เร็วที่สุดเพื่อลดการนอนโรงพยาบาล และเสียชีวิต

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โควิดกลับมาระบาดใหม่ ‘หมอมนูญ’  ขออย่าตื่นตระหนก รักษาตามอาการหายได้

เวลาผ่านไปโรคโควิดลดความรุนแรงลง โรคโควิดไม่น่ากลัวหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวโรคโควิดมากเกินไป