16 เม.ย. 2565 – นายอนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า ทีมวิจัยของเกาหลีใต้ได้นำเสนอผลการทดลองชิ้นหนึ่งออกมาน่าสนใจมากครับ เป็นการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาตอบคำถามเกี่ยวกับความสามารถการติดเข้าสู่เซลล์ปอดของมนุษย์ของไวรัส SARS-CoV-2 แต่ละสายพันธุ์ได้ชัดเจนขึ้น ทีมวิจัยทำการแยกเซลล์ถุงลมปอดของมนุษย์ออกมาเลี้ยงในห้องปฏิบัติการและเหนี่ยวนำให้เซลล์ดังกล่าวเจริญเป็นโครงสร้างที่เรียกว่า Organoid ซึ่งเป็นสภาวะที่ใกล้เคียงกับอวัยวะจริงในร่างกาย มากกว่าการใช้เซลล์เพาะเลี้ยง ที่มักแยกมาจากเซลล์มะเร็งปอดและมีการเลี้ยงมาเป็นเวลานาน
พอได้ระบบ Organoid ของปอดมนุษย์แล้ว ทีมวิจัยได้นำไวรัสที่แยกได้จากผู้ป่วยในเกาหลีใต้ที่มีการถอดรหัสพันธุกรรม 100% เรียบร้อยแล้ว 4 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เดิม (GR), Alpha, Delta และ Omicron จำนวนเท่าๆกัน มาผสมกันและปล่อยให้ไวรัสทั้ง 4 สายพันธุ์ติดเข้าสู่ Organoid ปอดที่สร้างขึ้น ทีมวิจัยได้มีการใช้ระยะเวลาที่ให้ไวรัสไปบ่มกับเซลล์ที่เวลาต่างๆกัน ที่น่าสนใจคือ เค้าใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที ก็สามารถพบว่า ไวรัสสามารถติดเข้าสู่เซลล์ได้แล้ว
หลังจากบ่มไวรัสที่เตรียมไว้กับ Organoid ปอด ทีมวิจัยทำการแยกเซลล์ปอดที่ติดเชื้อออกเป็นเซลล์เดี่ยว แล้วนำเซลล์เดี่ยวๆนั้นไปถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสในแต่ละเซลล์ด้วยเทคโนโลยี SMART-seq3 ที่ทีมวิจัยระบุว่าสามารถอ่านรหัสพันธุกรรมในเซลล์เดี่ยวๆแต่ละเซลล์นั้นได้ละเอียดมากพอที่จะแยกสายพันธุ์ไวรัสที่เข้าไปติดเซลล์เหล่านั้น ผลการทดลองจากการถอดรหัสเซลล์จำนวนเกือบ 190 เซลล์ ทีมวิจัยพบว่า 52 เซลล์ (คิดเป็น 27.2%) ถูกติดเชื้อโดยไวรัส 1 สายพันธุ์ ในขณะที่มีเซลล์มากถึง 85 เซลล์ (44.5%) ถูกติดเชื้อไวรัสได้ 2 สายพันธุ์ และ มีมากถึง 52 เซลล์ หรือ 27.2% สามารถถูกติดเชื้อได้ 3 สายพันธุ์พร้อมๆกัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก เพราะความเชื่อก่อนหน้านี้เกี่ยวกับโอกาสที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในโฮสต์พร้อมๆกันมากกว่า 1 สายพันธุ์ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ ผลจากงานวิจัยนี้ก็บอกว่าไม่ยากเช่นกัน
ในบรรดาเซลล์ที่นำมาวิเคราะห์หาชนิดของไวรัสที่ติดเข้าไปได้ ทีมวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเซลล์ที่ติดสายพันธุ์โอมิครอน ตามมาด้วย Alpha และ Delta กับ สายพันธุ์ดั้งเดิม ทีมวิจัยพบว่าโอมิครอนมีความสามารถติดเข้าไปในเซลล์ปอดที่ใช้ในการศึกษานี้ไวกว่าสายพันธุ์อื่นๆอย่างมีนัยสำคัญ (ประมาณ 4.8 เท่า)… แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผลของการศึกษานี้จะขัดแย้งกับการศึกษาก่อนหน้านี้ที่พบว่าโอมิครอนติดเซลล์ปอดไม่ดีหรือไม่ คงต้องดูในรายละเอียดของชนิดของเซลล์ที่ใช้ ตลอดจนความแตกต่างของไวรัสด้วย
ประเด็นที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือ โอกาสที่ไวรัสเข้าไปเพิ่มจำนวนตัวเองในเซลล์เดียวกันได้หลายๆสายพันธุ์ในเวลาเดียวกัน เพราะนั่นคือกลไกการสร้างไวรัสลูกผสมตระกูล X ทั้งหลาย ถ้าเกิดขึ้นได้ง่ายขนาดนี้ไวรัสหน้าตาแปลกๆก็อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกันครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอธีระ' ยกตัวเลข Long COVID ฝรั่งเตือนคนไทยวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือไม่ติดเชื้อ!
'หมอธีระ' ยกแถลงการณ์ ผอ.อนามัยโลกยุโรปเตือนสติคนไทย บอกฝรั่งเกิด Long COVID มากถึง 36 ล้านคนในรอบ 3 ปี ย้ำวิธีป้องกันลองโควิดที่ดีที่สุดคือต้องไม่ติดเชื้อ
มีหนาว! โควิด-19 ไม่ใช่อยู่แค่ระบบหายใจแต่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้
มีหนาว! หมอธีระยกสารสารการแพทย์ระบุชัดการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ต้องอยู่ที่ระบบหายใจถ่ายเดียว สามารถกระจายไปยังอวัยวะและระบบอื่นๆ ในร่างกายได้
'หมอยง' เผยการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิดเริ่มเฉื่อยลงทำให้อนาคตอาจเหมือนไข้หวัดใหญ่ A
'หมอยง' ชี้โควิดสายพันธุ์ XBB ติดซ้ำไม่ใช่เรื่องแปลก ข่าวดี! อัตราการกลายพันธุ์ของไวรัสเริ่มช้าลง ทำให้แนวโน้มอาจใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่ A ในอนาคตได้
รู้กันไว้! ไวรัสโควิดไร้สีที่ตามองเห็นส่วนที่ขึ้นเป็นสีแดงเพราะใช้คอมพิวเตอร์แต่ง
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์เปิดความรู้เรื่องสีไวรัส บอกชัดไม่มีสีที่ตามองเห็นได้ ส่วนที่เป็นสีแดงไม่ใช่สีจริงเป็นการแต่งแต้มด้วยคอมพิวเตอร์
'หมอธีระวัฒน์' ออกบทความวิธีป้องกันและรักษาลองโควิด!
อาจารย์หมอจุฬาฯ เขียนบทความเรื่อง 'ลองโควิดเกิดได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า วิธีป้องกันและรักษา' งานนี้ต้องเซฟเก็บไว้
นพ.ธีระยกผลวิจัยเมืองผู้ดีย้ำ Long COVID ก่อให้เกิดปัญหายืดเยื้อยาวนาน!
หมอธีระยกผลวิจัยระยะยาวจากแดนผู้ดีเรื่อง Long COVID ย้ำป้องกนตัวเองให้ห่างโควิดดีที่สุด เพราะหากติดแล้วมีโอกาสเกิดปัญหายืดเยื้อยาวนานแน่