20 มี.ค. 2565 – นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ Blockdit “ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย” โดยระบุว่า ฉลองสงกรานต์อย่างไร จึงจะไม่ทำให้ญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตจากโควิด-19
ในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเรา
แม้จะมีการระบาดของโควิด แต่ด้วยความรุนแรงที่ไม่มากนัก จึงทำให้รัฐบาลตัดสินใจไม่ห้ามการฉลองในเทศกาลสงกรานต์
แม้จะมีการระบาดของโควิด แต่ด้วยความรุนแรงที่ไม่มากนัก จึงทำให้รัฐบาลตัดสินใจไม่ห้ามการฉลองในเทศกาลสงกรานต์
ไม่ให้เจตนาดีที่จะไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ กลายเป็นนำไปสู่เหตุการณ์ที่น่าเสียใจจากการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโควิด
โดยใช้ข้อมูลทางวิชาการและสถิติที่เกี่ยวข้องมาประกอบ จะทำให้เราสามารถเตรียมตัวได้ดีดังนี้
1) กลุ่มเสี่ยง 608 ซึ่งประกอบด้วยผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคและสตรีตั้งครรภ์ เป็นกลุ่มที่เสียชีวิต จากโควิดมากที่สุดกว่า 90% ของผู้เสียชีวิตจากโควิดทุกวัน
2) ในกลุ่มผู้เสียชีวิตดังกล่าว มีสัดส่วนของผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มเพียง 12% และฉีดไม่ครบมากถึง 88% (รวมทั้งไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยด้วย)
3) จากการติดตามผู้เสียชีวิตในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาคือ มกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2565 พบว่า
ผู้ที่ฉีดวัคซีน2 เข็ม
เสียชีวิตน้อยกว่า
ผู้ที่ไม่ได้ฉีด 6 เท่า
ผู้ฉีดที่วัคซีน 3 เข็ม
จะเสียชีวิตน้อยกว่าถึง 41 เท่า
4) การฉีดวัคซีน 2 เข็มไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสโอมิครอน ถ้าฉีดครบ 3 เข็มจะป้องกันการติดเชื้อได้ 70% และลดความรุนแรงจากการเสียชีวิตได้ 97%
5) ขณะนี้มีผู้สูงอายุที่ฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้วเพียง 4.1 ล้านคน จากผู้สูงอายุ 12.7 ล้านคน คิดเป็น 32.5%
6) สำหรับประชาชนทั่วไป ฉีดวัคซีน 3 เข็มแล้วเพียง 22.2 ล้านคน คิดเป็น 31.7%
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น สามารถนำมากำหนดเป็นมาตรการหรือแนวทางปฏิบัติตัวของการไปฉลองสงกรานต์ เพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะสำหรับญาติผู้ใหญ่ผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงดังนี้
1) ญาติผู้ใหญ่ของพวกเราทุกคน ที่จะมีลูกหลานกลับไปเยี่ยม ควรรีบฉีดวัคซีนให้ครบ 3 เข็มภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2565 เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันขึ้นสูงสุด 14 วันหลังฉีดเข็ม 3 พอดีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรณีที่ยังไม่เคยฉีดเลย หรือฉีดไปแล้ว 1 เข็ม ขอให้เร่งฉีดเข็มเพิ่มเติมทันที
2) ตัวลูกหลานวัยหนุ่มสาวที่จะเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ขอให้ทุกคนได้ฉีดวัคซีนให้ครบ 3 เข็มด้วย
3) ก่อนออกเดินทางไม่เกิน 3 วัน ขอให้ทำการตรวจ ATK ว่าตัวเองมีผลเป็นลบ ถ้าผลเป็นบวก ขอให้งดเว้นการเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่
4) ในระหว่างเดินทาง ถ้าเป็นการเดินทางโดยบริการสาธารณะ ขอให้ใส่หน้ากากตลอดเวลา
5) เมื่อถึงบ้านแล้ว จะไปขอพร รดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ ขอให้หลีกเลี่ยงการถอดหน้ากาก โดยเฉพาะถ้าเป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยงการทานอาหารร่วมกัน
6) เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพแล้ว ถ้าทำได้ ขอให้ทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เป็นเวลา 7 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่นำเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ไปให้กับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน
หลักการดังกล่าว จะทำให้การฉลองสงกรานต์ในปีนี้ ไม่ทำให้ญาติผู้ใหญ่ของเราต้องเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโควิด-19 และจะได้ไม่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 (โอมิครอน) หลังเทศกาลสงกรานต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 549 ราย ดับเพิ่ม 1 คน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2567
โควิดกลับมาระบาดใหม่ ‘หมอมนูญ’ ขออย่าตื่นตระหนก รักษาตามอาการหายได้
เวลาผ่านไปโรคโควิดลดความรุนแรงลง โรคโควิดไม่น่ากลัวหมือนเมื่อ 3-4 ปีก่อน คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจกลัวโรคโควิดมากเกินไป
สายการบิน 'ลุฟท์ฮันซา' ต้องจ่ายค่าปรับกรณีเลือกปฏิบัติต่อผู้โดยสารชาวยิว
สายการบินลุฟท์ฮันซาต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา เหตุเพราะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดขอ
ไทยติดโควิดรอบสัปดาห์ 353 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 6 - 12 ตุลาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่