ถึงเวลายืนด้วยขาตัวเอง

ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันเป็นหลัก จึงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์แล้ว ขณะที่ราคาตลาดจรของก๊าซธรรมชาติเหลว (สปอต แอลเอ็นจี) ก็ปรับตัวแพงขึ้นอยู่ที่ 35 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู

ซึ่งก๊าซธรรมชาติก็เป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงสำคัญในการผลิตไฟฟ้าของไทย โดยคาดว่าภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปีนับจากนี้ ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) จะต้องปรับขึ้นอย่างแน่นอนจากผลของราคาก๊าซเฉลี่ยโดยรวมที่แพงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ซ้ำเติมปัญหาราคาน้ำมันที่แพงที่มีอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับต้นทุนด้านพลังงานที่แพงขึ้น ก็เพราะประเทศไทยไม่ได้มีการเปิดให้เอกชนมาลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมค้นหาแหล่งใหม่ๆ มาตั้งแต่ปี 2550 เป็นระยะเวลานานถึง 15 ปี ทำให้ปริมาณสำรองปิโตรเลียมของไทยลดน้อยลงอย่างน่าวิตก จากที่ประเทศไทยเคยมีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติที่ใช้ได้อีก 16-17 ปี แต่มาถึงวันนี้ปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติที่ใช้ได้เหลืออีกเพียงไม่ถึง 7 ปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเข้าขั้นวิกฤต

ด้วยเหตุนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) จึงเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ 24 จำนวน 3 แปลงในทะเลอ่าวไทย ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน และทำให้ประเทศไทยยืนได้ด้วยขาของตัวเอง

โดย ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในการออกประกาศเชิญชวนให้ยื่นขอสิทธิ ซึ่งกรมฯ คาดหวังว่าพื้นที่แปลงสำรวจและผลิตดังกล่าวจะเข้ามาช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่ปัจจุบันจะเริ่มมีปริมาณน้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าการเปิดให้ยื่นขอสิทธิครั้งนี้จะมีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ให้ภาครัฐ และทดแทนการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศได้

สอดคล้องกับความเห็นของ คุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ที่กล่าวว่า สถานการณ์ด้านพลังงานของไทยในปัจจุบันมีความน่าเป็นห่วง เพราะพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบ รวมทั้งนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแอลเอ็นจี ซึ่งหากเป็นราคาตามสัญญาซื้อขายก๊าซฯ ระยะยาวจะอยู่ที่ราว 10 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู แต่ถ้าเป็นราคาแอลเอ็นจีในตลาดจร ราคาขณะนี้จะอยู่ที่ประมาณ 35 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู

 “หากเราต้องซื้อแอลเอ็นจี สปอต ในราคา 35 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียู เราก็จะต้องเสียเงินนำเข้าแอลเอ็นจีแพงขึ้นถึงปีละ 1.6 แสนล้านบาท”

สำหรับ ศักยภาพการค้นพบปิโตรเลียมในประเทศไทยทั้งบนบกและในอ่าวไทย ยังถือว่ามีศักยภาพพอสมควรในการพบและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม อันจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศได้ ถึงแม้จะไม่ได้มีแหล่งผลิตขนาดใหญ่เหมือนประเทศตะวันออกกลางที่สามารถผลิตปิโตรเลียมได้ในปริมาณมากก็ตาม แต่ก็จะช่วยให้เราไม่ต้องนำเข้าปิโตรเลียมในราคาแพงได้จำนวนหนึ่ง รวมทั้งจะมีรายได้ในรูปภาษีและค่าภาคหลวงจากการผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ไม่ต้องเสียเงินตราให้กับต่างประเทศในการนำเข้าพลังงานเหมือนทุกวันนี้.

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เร่งเครื่องดึงนักท่องเที่ยว

จากสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในปัจจุบัน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ให้ข้อมูลพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมในช่วงเกือบ 7 เดือนเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-28 ก.ค.2567 ทั้งสิ้น 20,335,107 คน

ต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้อง

หลังจากนายกรัฐมนตรีหญิง แพรทองธาร ชินวัตร รับตำแหน่งอย่างชัดเจน ทำให้ภาคเอกชนต่างก็ดีใจ เพราะไม่ทำให้ประเทศเป็นสุญญากาศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสิ่งแรกที่ภาคเอกชนอย่าง

แนะเจาะใจผู้บริโภคด้วย‘ความยั่งยืน’

คงต้องยอมรับว่าประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนได้รับความสนใจมากขึ้นทั้งจากผู้บริโภค ภาคเอกชน และภาครัฐ ส่งผลให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัว

รัฐบาลงัดทุกทางพยุงตลาดหุ้น

หลังจากปล่อยให้ตลาดหุ้นซึมมาอย่างช้านาน จนปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 1,300 จุด เรียกได้ว่าสำหรับนักลงทุนถือเป็นความเจ็บปวด เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหน

ดันอุตฯไทยไปอวกาศ

แน่นอนว่าในยุคที่โลกต้องก้าวหน้าไปสู่อุตสาหกรรมที่ทันสมัยมากขึ้น และต่อไปไม่ได้มองแค่ในประเทศหรือในโลกแล้ว แต่มองไปถึงนอกโลกเลยด้วยซ้ำ เพราะจะเป็นหนึ่งในกลไกในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาคพื้นที่มีความแข็งแกร่งส่งผ่านไปยังอุตสาหกรรมอวกาศได้

แบงก์มอง ASEAN ยังมาเหนือ

ยังคงมีอีกหลายประเด็นที่ต้องจับตามองกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสถานการณ์โลกและภายในประเทศ ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและการค้า โดยมุมมองของ อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ระบุว่า