ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย อาจจะสามารถชนะศึกภาคพื้นดินด้วยการยึดพื้นที่ของยูเครนให้มากที่สุด ก่อนจะเจรจาเพื่อต่อรองกับฝ่ายตะวันตก
แต่การ “ชนะศึกการรบพุ่ง” ไม่ได้แปลว่าเขาจะ “ชนะสงคราม” ได้
เพราะสงครามครั้งนี้มีรูปแบบหลากหลายที่กลายเป็น “Hybrid War” หรือ “สงครามลูกผสม”
ซึ่งท้ายที่สุดปัจจัยที่ตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะ ในท้ายที่สุดอาจจะเป็นสงครามเศรษฐกิจก็เป็นได้
ตัวอย่างเฉพาะของ Sberbank ธนาคารที่ใหญ่สุดของรัสเซียที่ประกาศ ‘ถอดธุรกิจ’ ในยุโรปทั้งหมด สะเทือนหุ้นดิ่งลง 94% ในทันที และยังอาจจะเข้าสู่ข่าย ‘ล้มละลาย’
ธนาคารแห่งนี้พอเจอภาวะกระแสเงินสดไหลออกอย่างเร็วและแรงกว่าที่คาด ก็เกิดประเด็นเรื่องพนักงานถูกลอยแพ และทรัพย์สินถูกด้อยค่าฉับพลัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะรัสเซียบุกยูเครน
ธนาคารแห่งนี้แจ้งว่าไม่สามารถจัดหาสภาพคล่องให้กับบริษัทย่อยในยุโรปได้อีกต่อไปตามคำสั่งจากธนาคารกลางของรัสเซีย ซึ่งก็กำลังดิ้นสุดฤทธิ์ในอันที่จะปกป้องรักษาสกุลเงินต่างประเทศเอาไว้
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาเตือนว่า ธนาคารยักษ์ของรัสเซียแห่งนี้ถึงภาวะที่เสี่ยงจะ ‘ล้มละลาย’
ปูตินจะเข้าใจอันตรายของการเปิดศึกสงครามที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศแค่ไหนไม่แน่ชัด
เพราะอาจจะคิดว่า ก็เคยถูกตะวันตกคว่ำบาตรมาก่อนหน้านี้แล้วและก็ยังเอาตัวรอดมาได้
แต่ปูตินกำลังประเมินสถานการณ์ผิดพลาดครั้งใหญ่
รัสเซียกำลังเผชิญกับวิกฤตของภาคการเงินนั้นอย่างหนักพร้อมๆ กัน
ธนาคารกลางรัสเซียเป็นเป้าการคว่ำบาตร และเงินสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียบางส่วนก็ถูกอายัด
มิหนำซ้ำ ธนาคารบางแห่งก็ถูกกีดกันออกจากระบบการชำระเงินทั่วโลก SWIFT
Elvira Nabiullina ผู้ว่าการธนาคารกลางของรัสเซียยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
Sberbank มีทรัพย์สินในยุโรปมูลค่า 13 พันล้านยูโร (14.4 พันล้านดอลลาร์) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2020 และดำเนินการในประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรีย โครเอเชีย เยอรมนี และฮังการี
ก่อนหน้านี้ Sberbank ได้ออกมาให้ข่าวว่ามีแผนที่จะขายธุรกิจในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โครเอเชีย ฮังการี เซอร์เบีย และสโลวีเนีย ในปี 2021 ด้วยข้อตกลงมูลค่าประมาณ 500 ล้านยูโร
แต่หลังจากข่าวการต้องถูกกดดันให้ถอดธุรกิจในยุโรปตะวันตกทั้งหมด ก็ทำให้หุ้นของ Sberbank ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนลดลงกว่า 90%
ขณะที่ฟากตลาดหลักทรัพย์มอสโกได้หยุดการซื้อขายหุ้น และพยายามป้องกันไม่ให้เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ของรัสเซีย
หากสงครามยูเครนลากยาว และการคว่ำบาตรต่อเศรษฐกิจรัสเซียยังยืดเยื้อต่อไป ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเศรษฐกิจของรัสเซียอาจต้องพังทลาย
รัสเซียภายใต้การนำของปูตินจะถึงกาลล่มสลายหรือไม่?
นั่นกำลังกลายเป็นคำถามร้อนแรงของหลายๆ วงการขณะนี้
ปี 2021 รัสเซียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด เป็นอันดับที่ 11 ของโลก มีมูลค่า GDP คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 54 ล้านล้านบาท
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวรัสเซียนั้นอยู่ที่ 385,000 บาท
ถือได้ว่ารัสเซียมีเศรษฐกิจในระดับปานกลาง
แต่ปูตินคิดแบบนักยุทธศาสตร์ทางทหารมากกว่าจะให้ความสำคัญต่อเศรษฐกิจ
เขาเชื่อในความยิ่งใหญ่ของรัสเซียที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองสูงสุดของโลก
เขามีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจของรัสเซียมีภูมิคุ้มกันเหนียวแน่น เพราะมีน้ำมันดิบสำรอง และก๊าซธรรมชาติมากพอที่ทั้งโลกต้องเกรงใจ
ตัวเลขทางการชี้ว่า รัสเซียมีน้ำมันดิบสำรอง 80,000 ล้านบาร์เรล หรือประมาณ 5% ของปริมาณสำรองน้ำมันทั่วโลก
และยังมีสำรองก๊าซธรรมชาติ 47,805 พันล้านลูกบาศก์เมตร ประมาณ 20% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติทั่วโลก
ประเทศยุโรปตะวันตกล้วนเป็นลูกค้ารายใหญ่
ปูตินมั่นใจว่าอย่างไรเสีย ยุโรปตะวันตกต้องเกรงใจรัสเซีย แม้สหรัฐฯ จะหนุนหลังฝั่งโน้น แต่ในท้ายที่สุดพลังงานคือเส้นเลือดสำคัญของเศรษฐกิจยุโรป
ยังไงๆ อำนาจต่อรองของรัสเซียก็สูงกว่าสหรัฐฯ ในเรื่องนี้
แต่ปูตินคาดไม่ถึงว่าวิกฤตยูเครนทำให้ยุโรปตะวันตกกับสหรัฐฯ ตัดสินใจจับมือกันแน่นขึ้นเพื่อจะจัดการกับเขา
สหรัฐฯ บีบให้เยอรมนีระงับโครงการนอร์ดสตรีม 2 ที่เป็นท่อส่งก๊าซจากรัสเซียเข้าเยอรมันนี
เมื่อรัสเซียขายก๊าชให้ลูกค้ารายใหญ่ไม่ได้ รายได้ก็หดหายทันที
พอนั่งดีดลูกคิดก็จะเห็นว่าความเสียหายส่วนนี้หนักหนาสำหรับเศรษฐกิจรัสเซียมาก
ประมาณกันว่ามูลค่าการส่งออกของรัสเซียทั้งหมดที่ 11.1 ล้านล้านบาท มาจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 4.7 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 9% ของ GDP รัสเซียเลยทีเดียว
มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียครั้งนี้ที่หนักหนาสากรรจ์กว่าครั้งก่อนๆ มีเช่น
ตัดธนาคารรัสเซียบางแห่งออกจากระบบ SWIFT ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ มีผลกระทบต่อการค้าขายระหว่างประเทศของรัสเซียทันที
มาตรการควบคุมสินค้าส่งออกและนำเข้ากับรัสเซีย ก็ทำให้เศรษฐกิจรัสเซียอ่อนเปลี้ยลงอย่างฉับพลัน
สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดก็เกิดได้
อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลรูเบิลเทียบกับดอลลาร์และยูโรร่วงลงกว่า 30% อย่างต่อเนื่อง
กดดันให้ธนาคารกลางรัสเซียต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 9.5% สู่ 20.0%
ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะเงินในกระเป๋าลดค่าลงอย่างหนัก
อีกทั้งจะไปเบิกเงินธนาคารก็ยากเย็นแสนเข็ญ เพราะธนาคารขาดเงินสดที่จะให้เบิกถอนหรือกดเครื่อง ATM ได้
เมื่อสงครามที่ปูตินประกาศมากระทบ “ปากท้อง” ของชาวบ้านโดยตรง
การทำสงครามระดับนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล
สำทับด้วยกระแสต่อต้านรัสเซียจากวงการต่างๆ ทั่วโลก เช่น วงการบันเทิง, กีฬา และแวดวงสิทธิมนุษยชนที่ประท้วงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนของการทำสงครามครั้งนี้
มีคนเรียกว่านี่คือ “สงครามของปูติน”
ไม่ใช่ “สังครามรัสเซีย”
และนี่อาจจะเป็นจุด “ล่มสลายของรัสเซีย” รอบใหม่ด้วยฝีมือของคนคนเดียวอย่างปูติน
คนที่เชื่อว่าปูตินเป็น “อัจฉริยะ” และได้เตรียมตั้งรับทุกรูปแบบก่อนตัดสินใจบุกยูเครนก็คงต้องลุ้นต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ