ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศตำรวจชั้นนายพลเป็นกรณีพิเศษ
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศตำรวจชั้นนายพลเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 22 (ปีงบประมาณ พ.ศ.2565) จำนวน 35 ราย
อาทิ พล.ต.ท.ศรายุทธ พูลธัญญะ เป็น พล.ต.อ., พล.ต.ต.บุญเลิศ ว่องวัจนะ เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ เป็น พล.ต.ท., พล.ต.ต.หญิง รพีพรรณ โชคสมบัติชัย เป็น พล.ต.ท.หญิง, พล.ต.ต.หญิง วนิดา หาญบุญเศรษฐ เป็น พล.ต.ท.หญิง, พ.ต.อ.การุณย์ อิงประสาร เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ขวัญชาติ ไขแสง เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.จิณวัตร ก้อนทองดี เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ฉัตรมงคล แก้วประเสริฐ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ต่อพงษ์ ตันตระวาณิชย์ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ภัคคะธนิตศักดิ์ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ธีระยุทธ บุตรน้ำเพชร เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ธีรัชช์ โอสถานนท์ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.นิพนธ์ สิกขเจริญ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.นิรันดร์ บริบาลบุรีภัณฑ์ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ประพันธ์ เวทีกูล เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ปรีชา แดงศิริรัตน์ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.ยุคล ประสาทนานนท์ เป็น พล.ต.ต., พ.ต.อ.วัฒนา แก้วดวงเทียน เป็น พล.ต.ต. และ พ.ต.อ.วิรัตน์ ควรชม เป็น พล.ต.ต. เป็นต้น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 เป็นต้นไป ๐
เมื่อขั้นตอนผู้สมัครใจโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 22 เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ต่อไปก็เป็นการแต่งตั้งวาระเดือนเมษายนอย่างเต็มตัว คือการแต่งตั้ง นายพลแก้มลิง เพื่อตบโบนัสให้ตำรวจที่จะเกษียณ 30 ก.ย.65 ขยับยศและตำแหน่งสูงขึ้น รวมทั้งการแต่งตั้ง “นายพล” แทนตำแหน่งว่างจากที่ผู้สมัครใจเข้าโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 22 ในคราวเดียวกันเลย ซึ่งขณะนี้การแต่งตั้งเดือนเมษายนอยู่ระหว่างดำเนินการทางธุรการให้เรียบร้อย หลังจากเมื่อวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ประกาศลำดับอาวุโสตำรวจระดับ รอง ผบก. ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.ครั้งแรกไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อและประกาศลำดับอาวุโสตำรวจระดับ รอง ผบก. ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.ครั้งที่สอง ซึ่งถือเป็นครั้งสุดท้ายทางธุรการ จากนั้นก็จะเริ่มทำบัญชีแต่งตั้ง นายพล วาระเดือนเมษายน ได้ทันทีตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 7(2) กำหนดให้การแต่งตั้งวาระเดือนเมษายนต้องแล้วเสร็จภายในวัน 30 เมษายนของทุกปี ๐
“นายกรัฐมนตรียังได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน เร่งรัดคดีการเสียชีวิตของ นางสาวนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ด้วยหลักฐานด้วยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด เพื่อตอบข้อสงสัยของสังคม เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ มีความโปร่งใส และจะตรวจสอบทุกประเด็นที่เป็นไปได้ เพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย" โฆษกรัฐบาล ธนกร วังบุญคงชนะ ถ่ายทอดข้อสั่งการจาก นายกฯ ตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สาธารณชนรับทราบผ่านสื่อมวลชนในคดีการเสียชีวิตของดาราสาวแตงโม ซึ่งนอกจากเป็นการสั่งการแล้วยังเหมือนเป็นคำเตือนที่ นายกฯ ส่งไปถึงตำรวจที่รับผิดชอบทำคดี ทั้ง ผบ.ปั๊ด หรือ บิ๊กอุ้ย-พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ต้องรอบคอบ ข้อสำคัญทุกบทสรุปแห่งคดีต้องตอบคำถามสังคมได้ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นดีไม่ดี ตำรวจ จะกลายเป็น คนร้าย เสียเอง เพราะเป็นคดีที่สังคมสนใจ และหลายคนพิพากษาไปแล้วว่าใครผิด ใครถูก หากคดีออกมาไม่ตรงใจ และไม่มีคำอธิบายที่กระจ่างแจ้ง มีหวัง ตำรวจ เละแน่ๆ ๐
มาทุกรูปแบบจริงๆ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดโผล่โทร.แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทร.ทวงค่าปรับใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ โดยอ้างว่าเหยื่อกระทำผิดกฎหมายจราจร และให้ชำระค่าปรับด้วยการโอนเงินไปยังหมายเลขบัญชีที่กล่าวอ้าง จน บิ๊กจิ-พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ต้องออกมายืนยันตำรวจมีช่องทางให้ชำระค่าปรับใบสั่งจราจรได้ 3 ช่องทาง คือ จ่ายทางธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกธนาคาร และตู้บุญเติม จุดบริการชำระเงินอื่นๆ ได้แก่ ไปรษณีย์ทุกสาขา และจุดบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่มีสัญลักษณ์คำว่า PTM และสามารถเดินทางไปชำระได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง โดยจะต้องนำใบสั่งจราจร ซึ่งจะมีแถบบาร์โค้ดปรากฏอยู่บริเวณมุมล่างซ้าย ไปใช้ยืนยันในการชำระทุกครั้ง และหากไม่ได้ชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะทำการออกใบเตือนเพื่อให้มาชำระค่าปรับ จะไม่ใช้วิธีการโทร.ไปแจ้งและโอนเงินมาให้โดยตรง “ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ และในรูปแบบอื่นๆ ที่หลอกลวงให้โอนเงินเป็นอันขาด หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่ เพื่อดำเนินการ”...อย่างไรก็ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากคำเตือนแล้ว สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นจาก ตำรวจ คือการกวาดล้าง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างเข้มข้นต่อเนื่องถึงต้นตอ ลำพังแค่จับ บัญชีม้า ไม่น่าจะพอแล้ว ๐
โยกย้ายกลางปี “ร้อนฉ่า“ ที่กองทัพเรือเมื่อ บิ๊กเฒ่า-พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เดินหน้าดึง จอร์ช 5 ช.-พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ รอง เสธ.ทหารกลับมานั่งเก้าอี้ 5 เสือทัพน้ำ เพื่อปูทางขึ้นเป็น ผบ.ทร.ในปลายปีนี้ ทำให้บรรยากาศการทำงานระหว่าง 5 เสือ ทร.ในช่วงที่ผ่านมาเหมือนมี เส้นบางๆ ที่ขวางกั้นจากภาพจำความขัดแย้งในยุค พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.เป็นต้นมา เพราะคนใน ทร. ทราบสัญญาณ “ปักธง” ชัดเจนในชื่อนี้มาตั้งแต่ต้น นับแต่ “บิ๊กเฒ่า” เข้ามาเก็บกวาด รื้อถอนเหล่าบรรดาสิ่งก่อสร้างรอบพื้นที่ “วังเดิม” เหมือนที่ ทบ.เคยเกิดขึ้นจากกรณีศึกเตรียมทหารรุ่น14 ระหว่าง บิ๊กโด่ง-พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร กับ บิ๊กหมู-พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ที่มานั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.ต่อจากนั้น ที่มีการทุบกำแพงกั้นระหว่างพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 กับหอประชุมกิตติขจร และตีพื้นทับน้ำพุหน้าเสาธง จนกลายเป็นตำนาน “หมูทุบ” แห่ง ทบ. จากนั้นการโยกย้ายแบบ “ล้างบาง” ก็สร้างความตึงเครียดในรั้วแดงกำแพงเหลือง ไม่ต่างจากที่เกิดขึ้นใน ทร.ยุคนี้ ที่ลูกประดู่เลิ่กลั่ก วางตัวไม่ถูก เนื่องจากเกิดอาการ “เกร็ง”
หันมาที่ โผ ทบ. รอบนี้เกือบจะมีการขยับตำแหน่งสำคัญ แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เลือกสูตรปรับเท่าที่จำเป็น ไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมระหว่างรุ่นต่างๆ มากนัก พร้อมแต่งตั้งทดแทนนายทหารที่ต้องเกษียณปลายปี และขยับไปติดยศที่สูงขึ้นหรือตำแหน่งที่ว่างลง เช่นการขยับรองเจ้ากรมกำลังพล ทบ. มาแทน พล.ท.มานัสชัย ศรีประจันทร์ เจ้ากรมกำลังพล ทบ.ผู้ล่วงลับ รวมถึงการขยับ พล.ต. เฟื่องวิทย์ เลาหสุรโยธิน เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ไปเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก (อัตราพลโท) ส่วนรองแม่ทัพที่เดิมมีข่าวว่าจะว่างลง 1 เก้าอี้ และจะมีการดันผู้บัญชาการกองพลฯ หลักคุมกำลังขึ้นมาก็คงพักไว้ก่อน เนื่องจากตำแหน่งกลางปีแน่นจนขยับไม่ออก และยังไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนให้เกิดเรื่องราวเพิ่มอุณหภูมิภายใน เว้นระยะเวลารุ่นต่างๆ ให้หายใจหายคอ รอลุ้นการจัดทัพใหญ่ช่วงปลายปีที่จะต้องมีการหาผู้ที่เข้ามาทดแทนตำแหน่ง 5 เสือ ทบ.ที่มีคนเกษียณในปลายปีนี้ถึง 3 เก้าอี้ ที่เป็นจังหวะของมือวางของรุ่นที่กำลังเติบโตขึ้นมา จะต้องขยับขึ้นมาในตำแหน่งต่างๆ ในจังหวะนี้ให้ทันเกม “ชิงดำ-เข้าฮอส” ในช่วง 2-3 ปีนี้ ๐
สำหรับตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) ที่มีชื่อแคนดิเดตเกือบครึ่งโหล ทั้งจากในกองบัญชาการกองทัพไทย และจากกองทัพบก ในที่สุดก็น่าจะจบลงที่ชื่อของ บิ๊กวงศ์-พล.ต.ทวีศักดิ์ มณีวงศ์ รอง ผบ.ศรภ. ที่เดิมเหมือนจะมีภาษีน้อยกว่า มือข่าวกรอง จากหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.) หรือจากรุ่นพี่รบพิเศษ แต่ในที่สุดก็สามารถฝ่าทุกด่านมาได้จากแรงหนุนของ บิ๊กน้อย-พล.ท.วัฒนะ พลจันทร์ ผบ.ศรภ.คนปัจจุบัน และ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีต ผบ.นสศ. เพื่อน ตท.21 ของ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นทีม รปภ.ให้ บิ๊กเหวียง-พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต ผบ.ทบ.รุ่นดึก ให้ชื่อที่เสนอขึ้นไปจาก ศรภ.ผ่านฉลุย และในฐานะของนักฟุตบอลรบพิเศษเก่า ทั้ง บิ๊กเจี๊ยบ-พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ ต่างก็เป็นลมใต้ปีกให้ บิ๊กวงศ์ นั่งคุมหน่วยข่าวแห่งนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ผบช.ก.' แถลงจับหมอดูชื่อดัง 'ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' แจ้ง 2 ข้อหาหนัก
'บิ๊กก้อง' แถลงจับ 'หมอดูตี่ลี่ฮวงจุ้ย' ตุ๋นเหยื่อซื้อวัตถุมงคลแก้เคล็ดกว่า 108 ล้าน เอาไปเล่นพนัน แจ้ง 2 ข้อหา 'ฉ้อโกง-ฟอกเงิน' พร้อมยึดรถหรู 2 คัน
หดหู่ใจ! โจรบุกวัดดัง ขโมยโกศทองเหลือง เทกระดูกคนตายทิ้งไว้
พระธรรมรัตน์ กันฺตธมโม พระลูกวัดบางหลง หมู่ 9 ตำบลท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร แจ้งตำรวจสายตรวจปากน้ำชุมพร ว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาลักโกศทองเหลือง
หนุ่มใหญ่เมืองคอนป่วยซึมเศร้า โดดน้ำปากพนังจมหาย
กิดเหตุการณ์ชายวัย 50 ปี ทราบชื่อว่า นายนิวิวัฒน์ ณรงค์ฤทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า กระโดดลงน้ำที่แม่น้ำปากพนัง
‘ดิไอคอน’ ยังไม่จบ ผู้เสียหายแจ้งความ ทะลุ 1 หมื่นราย เสียหาย 3,213 ล้านบาท
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อัปเดตคดีดิไอคอนกรุ๊ป ยังแจ้งความกับตำรวจได้ทั่วประเทศ
เปิดภาพนาทีโจรใต้ขว้างไปป์บอมบ์ ชาวบ้านรอดหวุดหวิด
พ.ต.อ.อลัมต์ เมฆารัฐ ผกก. สภ.ทุ่งยางแดง ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้างใส่จุดตรวจยุทธศาสตร์น้ำดำ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ
ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร