สงครามรัสเซียบุกยูเครนครั้งนี้มีความน่าทึ่งน่าศึกษามากมายหลายประการ
หนึ่งในนั้นคือการลุกขึ้นมาต่อสู้ทหารรัสเซียของชาวยูเครนที่ไม่ใช่ทหารอาชีพ
หากแต่เป็นคนในสาขาอาชีพต่างๆ ที่พยายามจะหาทางต่อสู้ทุกวิถีทาง
แม้กระทั่งการทำ “ระเบิดขวด” หรือ Molotov Cocktails แบบบ้านๆ เพื่อต้านการเข้ามายึดพื้นที่ของรถถังรัสเซีย
ถือได้ว่าชาวยูเครนพร้อมรับมือกับการรุกของทหารรัสเซียในทุกรูปแบบ
ล่าสุดกองทัพยูเครนได้ทวีตภาพของรถถัง รถหุ้มเกราะและรถลำเลียงพลของรัสเซีย
ไม่ได้ขึ้นภาพเหล่านี้ให้ประชาชนเกิดความเกรงกลัว
หากแต่ผู้เชี่ยวชาญกองทัพยูเครนต้องการชี้ให้ประชาชนที่กำลังรวมตัวกันสู้ผู้รุกรานให้เห็นถึงจุดอ่อนของยานพาหนะสงครามเหล่านี้
เพื่อกำหนดเป็นเป้าของการโจมตีด้วยระเบิดขวดที่ช่วยกันผลิตแบบบ้านๆ ราคาถูก แต่สามารถจะขัดขวางการรุกคืบของทหารรัสเซียที่ขับรถถังหรือรถหุ้มเกราะ
หลายวันที่ผ่านมาชาวยูเครนในเมืองต่างๆ ได้เข้าคิวเรียนรู้วิธีการทำระเบิดขวด ไม่ว่าจะเป็นขวดเบียร์ ขวดไวน์และขวดเครื่องดื่มต่างๆ
เพื่อมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับทหารรัสเซียที่ยังรุกคืบในเมืองต่างๆ ของยูเครน
จะเห็นว่าภาพจาก Twitter ของกระทรวงกลาโหมยูเครนนั้นมาพร้อมกับคำขวัญปลุกระดม
"ร่วมสู้กับผู้รุกราน เราชนะไปด้วยกัน"
เป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียประเมินความมุ่งมั่นของกองทัพและประชาชนยูเครนต่ำเกินไป
เดิมที่คิดว่าควรจะ “เผด็จศึก” ยึดเมืองใหญ่ๆ ของยูเครนได้ภายในไม่กี่วัน จากนั้นก็เจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ตามเงื่อนไขของตนนั้น
เอาเข้าจริงๆ กลายเป็นว่าหน่วยรบของรัสเซีย “ติดหล่ม” อยู่หลายจุดในการรุกคืบ มีผลทำให้เกิดอาการเสียขวัญและลังเล
อาจจะเป็นเพราะปัญหา logistics หรือการเคลื่อนทัพบนสภาพภูมิประเทศที่ทหารรัสเซียไม่คุ้นชิน และอาจจะเป็นเพราะการบริหารการรบที่ขาดประสิทธิภาพ
เพราะการบุกยึดอีกประเทศหนึ่งนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนในอดีต
เมื่อกองกำลังโซเวียตบุกเชกโกสโลวะเกียในปี 2511 สถานการณ์ไม่ได้สลับซับซ้อนเหมือนวันนี้
ตอนนั้นทหารรัสเซียเจอกับการต่อต้านไม่มาก
ผู้นำของประเทศถูกพาตัวไปที่มอสโกในวันที่สองของการรุกเข้าไป และแรงต้านจากโลกตะวันตกก็แผ่วเบา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนวันนี้เป็นหนังคนละม้วนก็ว่าได้
ณ วันอังคารที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียส่วนใหญ่อยู่ห่างจากใจกลางกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวง 25 กม. และอาจจะล้อมเมืองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
อีกด้านหนึ่งทหารรัสเซียยังฝ่าแนวต้านของยูเครนทางตอนใต้ โดยผลักดันไปทางตะวันตกไปยังโอเดสซา ท่าเรือหลัก และทางเหนือสู่ใจกลางของประเทศ
ทำให้รัสเซียสามารถโดดเดี่ยวกองกำลังยูเครนทางตะวันออกได้
เมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองต่อสู้อย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ พอถึงวันจันทร์และอังคารก็เจอการถล่มทางอากาศอย่างหนัก
เราเห็นภาพจากยูเครนที่แสดงถึงรถถังและรถหุ้มเกราะของรัสเซียที่ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ข้างถนน
วิดีโอจากเหตุโจมตีภายหลังการซุ่มโจมตีรถขบวนหนึ่งใกล้กับเมืองซูมี เมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อวันอาทิตย์ แสดงให้เห็นการสูญเสียยานเกราะอย่างน้อยหนึ่งโหล รวมถึงรถถังสองคัน และปืนครกที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
อุปสรรคใหญ่ที่สุดสำหรับรัสเซียคือ การขนส่งและการเคลื่อนทัพในภูมิประเทศที่ทหารรัสเซียอาจจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
รายงานข่าวบางกระแสบอกว่า ทหารรัสเซียเจอปัญหาหนักกับหน่วยงานด้านวิศวกรรมที่ไม่สามารถรับมือกับการก่อวินาศกรรมของทหารยูเครนที่รู้จักพื้นที่ดีกว่า
ทหารยูเครนระเบิดสะพานหลายแห่งก่อนทหารรัสเซียจะรุกมาถึง
และทหารรัสเซียไม่สามารถสร้างสะพานเชื่อมผ่านถนนที่คับคั่งได้
สิ่งที่เห็นคือรถถังรัสเซียและยานพาหนะอื่นๆ ถูกทิ้งร้างริมถนน ไม่ว่าจะเป็นเพราะเสียหรือเชื้อเพลิงหมด
แสดงว่าระบบของหน่วยสนับสนุนไม่สามารถแก้สถานการณ์ได้ทันท่วงที
หน่วยที่ถูกทิ้งร้างจึงกลายเป็นเป็นเป้าหมายหลักสำหรับการซุ่มโจมตี
และดูเหมือนว่ากองกำลังยูเครนไม่เคยขาดแคลนอาวุธในรูปแบบต่างๆ ที่จะโจมตีผู้กรุกราน
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เดนมาร์ก ลักเซมเบิร์ก และฟินแลนด์เป็นประเทศล่าสุดในยุโรปที่ประกาศว่าจะจัดหาขีปนาวุธต่อต้านรถถังจำนวนหลายพันลูกส่งมาให้ยูเครนช่วยต้านรัสเซีย
ในสงครามทางอากาศ รัสเซียก็ไม่สามารถครอบครองความเหนือชั้นกว่ายูเครน
เดิมเชื่อกันว่าขีปนาวุธของรัสเซียจะทำลายระบบป้องกันทางอากาศของยูเครน ซึ่งเป็นเครือข่ายเรดาร์และขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศในช่วงชั่วโมงแรกๆ ที่เปิดศึก
แต่เอาเข้าจริงๆ การโจมตีนั้นเบากว่าที่คาดไว้
รัสเซียใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด Su-34 เหนือเมืองคาร์คิฟและทางตอนใต้ของยูเครน
ยูเครนใช้โดรน TB2 ที่ผลิตในตุรกีโจมตีกองกำลังรัสเซียซึ่งค่อนข้างประหลาดใจ เพราะคิดไม่ถึงว่ายูเครนจะมีอาวุธทางอากาศที่มาต่อกรได้
นักวิเคราะห์ตะวันตกบอกว่ารัสเซียขาดการประสานงานของทหารราบ รถเกราะ ปืนใหญ่ การป้องกันทางอากาศ หน่วยวิศวกรรม และสงคราม เล็กทรอนิกส์
ส่วนทหารยูเครนนั้นประเมินตั้งแต่ต้นว่ารัสเซียมีอาวุธยุทโธปกรณ์เหนือกว่าแน่ จึงใช้วิธีการผสมผสานของการสู้รบแบบกองโจรในเมืองและการหลอกล่อให้ทหารรัสเซียสับสน
พอปูตินยึดเมืองใหญ่ของยูเครนใน 5 วันแรกไม่สำเร็จ จึงสั่งปรับแผนใหญ่ด้วยการส่งคอนวอยรถทหาร, รถหุ้มเกราะและรถถังยาวเหยียดกว่า 64 กม. มุ่งตรงไปยังเมืองหลวงเคียฟ
จะเผด็จศึกได้สำเร็จหรือ “ติดหล่ม” อีกรอบเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป
เพราะอาจจะเป็นจุดพลิกผันของสงครามครั้งนี้ก็ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ