
เหม็นขี้ฟันจริงๆ
ฟังพรรคฝ่ายค้านบอกว่า แก้รัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตย
แต่สิ่งที่ทำจริง ไม่ตรงปกเลย
แก้เพื่อตัวเองล้วนๆ
ข่าวสองสามวันมานี้ มีประเด็น ที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์นี้
มีทั้งหมด ๑๐ ร่างด้วยกัน
๑.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ)
๒.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ)
๓.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
๔.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายชลน่าน ศรีแก้ว กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
๕.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายชลน่าน ศรีแก้ว กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
๖.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายวิเชียร ชวลิต กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
๗.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายวิเชียร ชวลิต กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
๘.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
๙.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
๑๐.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....(นายอนันต์ ผลอำนวย กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ทำความเข้าใจก่อนนะครับ ที่ต้องแก้กฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายเลือกตั้ง ก็เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ที่เปลี่ยนแปลงระบบและวิธีการเลือกตั้ง ส.ส.
จากบัตรใบเดียวเป็นบัตรสองใบ
รวมถึงเปลี่ยนวิธีการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์
ดูเหมือนไม่มีอะไร ทั้งพรรคการเมืองและรัฐบาล ต่างยื่นร่างแก้กฎหมายไปตามปกติ
พิจารณาจบเร็ว หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จะได้ไปเลือกตั้งกันโดยมีกฎหมายรองรับ ไม่ต้องวุ่นวายกันในภายหลัง
แต่เรื่องมันแดงเพราะพรรคการเมือง ๒ พรรค สอดไส้เนื้อหาในร่างแก้ไข
คือร่างที่ ๓ และ ๕ เสนอโดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กับคณะ และ ชลน่าน ศรีแก้ว กับคณะ ตามลำดับ
ประเด็นแก้ไขที่สอดไส้มา ไม่ได้เกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง หรือการนับคะแนนอะไรเลย
แต่เป็นความพยายามลบล้างความผิดของตัวเอง และ ไม่อยากให้ตัวเองผิดในอนาคต
๒ มาตราแห่งการสอดไส้คือ
มาตรา ๒๘ บัญญัติว่า "ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม"
และมาตรา ๒๙ "ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม"
มาตรา ๒๘ พรรคเพื่อไทย แก้เพิ่มเติมวรรคสองขึ้นมา
"การกระทำตามวรรคหนึ่งมิให้หมายความรวมถึง การที่บุคคลอื่นนั้นได้ให้คำปรึกษา แนะนำ เสนอแนะ หรือให้ข้อมูลแก่พรรคการเมือง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองนั้น"
เช่นเดียวกัน มาตรา ๒๙ แก้เพิ่มว่า
"ให้นำความในวรรคสองของมาตรา ๒๘ มาใช้บังคับแก่การกระทำตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม"
ไปดูร่างแก้ไขที่เสนอโดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง
หนักกว่ากันเยอะ
ให้ตัดมาตรา ๒๘ และ ๒๙ ออกไปเลย
ทำให้นึกถึงช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษโกงเหมาเข่งขึ้นมาทันที
กฎหมาย ๒ มาตรานี้มีเจตนารมณ์ป้องกันไม่ให้คนนอกพรรคการเมืองเข้าแทรกแซงกิจการภายในพรรค
ในอดีตมันสร้างความฉิบหายให้เห็นกันมาแล้ว
คนนอกลอยนวล แต่คนในรับกรรมแทน ติดคุกไปก็มี
และพรรคเพื่อไทยน่าจะเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายดีกว่าใคร
แต่กลับมาลักไก่ เปิดช่องกฎหมาย ให้คนนอกสามารถให้คำปรึกษา แนะนำ เสนอแนะ หรือให้ข้อมูลแก่พรรคการเมืองได้
ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีชั้นเชิงเลยจริงๆ เขียนกฎหมายเหมือนเด็กฝึกงาน
การให้คำปรึกษา แนะนำ ให้ข้อมูลแก่พรรคการเมือง มันเป็นเรื่องทำกันปกติอยู่แล้ว
นักวิชาการ ผู้รู้ ให้คำแนะนำพรรคการเมืองเยอะแยะไป ส่วนใหญ่ถูกด่ากลับด้วยซ้ำ
แล้วจะเขียนกฎหมายให้เกิดปัญหาการตีความในภายหลังทำไมกัน
การแทรกแซงกิจการภายในพรรคการเมือง กับการให้คำแนะนำพรรคการเมือง อ่านกี่เที่ยวมันก็คนละความหมายกัน
ฉะนั้นเจตนาของพรรคเพื่อไทย แทบจะแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุทางการเมืองจากพฤติกรรมของ "ทักษิณ ชินวัตร" และครอบครัว
"ตระกูลชินวัตร" แทรกแซงกิจการภายในพรรคเพื่อไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ในทางการเมืองแทบไม่แปลกอะไร เพราะพรรคเพื่อไทย เป็นสมบัติของตระกูลชินวัตร
แต่ในทางกฎหมายต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
"ทักษิณ" ถือเป็นคนนอกพรรค
น่าจะมีเพียง อุุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เท่านั้นที่ถือเป็นคนใน เพราะมีตำแหน่งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย
จึงสรุปได้ว่าร่างแก้ไขกฎหมายของพรรคเพื่อไทยฉบับนี้ สอดไส้ให้ "ทักษิณ" สามารถแทรกแซงพรรคได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
"ทักษิณ" จะคุยเรื่องที่มากกว่าเลี้ยงหมา ๕๐ ตัว ทุกวัน ก็คุยได้
นี่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถยืนบนลำแข้งตัวเองได้ ยังต้องพึ่งพา "ทักษิณ" อยู่ตลอดเวลา
"ทักษิณ" คือจำเลยหนีคอร์รัปชัน คือนักโทษหนีคุก
อย่าให้ประเทศไทยต้องแย่ไปกว่านี้อีกเลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทหารไทยระดับโลก
ได้เบอร์พรรคกันไปเรียบร้อยแล้วครับ วานนี้ (๒๘ ธันวาคม) กกต.รับสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จับได้เลขอะไร แต่ละพรรคทั้งประเทศเบอร์เดียวกันหมด
ผลงานรัฐบาล-กองทัพ
น่าจะจบอีกยกครับ... นับว่าเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ วานนี้ (๒๖ ธันวาคม) มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เป็นวันที่ ๓ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
ไม่เอาคนเนรคุณ
แยกข้างแบ่งขั้วกันตั้งแต่หัววัน... วานนี้ (๒๕ ธันวาคม) นายกฯ อนุทิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ ม.๑๑๒ “...ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วมก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ยกเว้นพรรคประชาชน...”
ใครแข็งในจุดขาย
ยังไม่ทันเลือกตั้ง ก็เห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่รำไรแล้วครับ ปัจจัยหลักคือการประกาศจุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรค เงื่อนไข ไม่ใช่เรื่อง เทาหรือไม่เทา
'ศุภจี' ไปต่อ
จบแล้วครับ ไม่ต้องรอ... คนละครึ่งพลัสเฟส ๒ ไม่ได้ไปต่อ ถ้าจะมีคงต้องรอรัฐบาลหน้า ไม่ใช่รัฐบาลเพื่อไทย
สมการเลี้ยงหลาน
โค้งแรกเลือกตั้งก็มันหยดแล้วครับ... เปิดหน้าเปิดตากันไปเกือบครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าที่ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ และผู้สมัคร สส.ระบบเขต

