มาถึงจุด “เปิดประเทศ” ในเดือนหน้า คงต้องประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยปีหน้าเราจะมีหน้าตาอย่างไร
หลายสำนักวิเคราะห์มองว่ายังไง ๆ ปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้เพราะเราผ่าน “จุดต่ำสุด” มาแล้ว
โดยมีเงื่อนไขว่าการเปิดประเทศในไตรมาสที่ 4 นี้จะไม่นำไปสู่การหวนกลับของการแพร่ระบาดของโควิด-19
และการเยียวยาของรัฐบาลสำหรับธุรกิจระดับกลางและเล็กที่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่มาแล้วสองปีจะ “ทันการณ์และตรงเป้า”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าการเปิดประเทศจะช่วยให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มในปีนี้ทั้งปีอยู่ที่ 1.81 แสนราย
ซึ่งต้องถือว่ายังน้อยมาก แต่ก็เป็นแสงสว่างดวงเล็ก ๆ ที่ปลายอุโมงค์
ส่วนปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกี่คนยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบแน่ชัด
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
ถ้าถามกระทรวงท่องเที่ยวฯ เขาอยากได้สัก 10 ล้านขึ้นไป แต่ถ้าถามนักวิเคราะห์บางแห่ง ตัวเลขคาดการณ์ก็จะมีตั้งแต่ 1 ล้านถึง 8-10 ล้าน (แบงก์ชาติให้ 6 ล้าน)
เพราะไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่ารัฐบาลจีนจะยอมปล่อยคนของเขาออกมาเที่ยวต่างประเทศมากน้อยเพียงใด
ของไทยเองก็คงจะอยู่ที่ผลการทดลองเปิดประเทศตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป
ตัวเลขที่ “อยากได้” กับตัวเลขที่ “น่าจะเป็นไปได้” จึงเป็นคนละชุดกันโดยสิ้นเชิง
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะรัฐบาลทั้งโลกก็ตกอยู่สภาวะเดียวกัน
นั่นคืออยากจะได้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง และเตรียม “แผนสำรอง” เอาไว้เผื่อสถานการณ์จะพลิกผันไปทั้งทางดีและทางร้าย
ศูนย์วิจัยกสิกรมองว่าจากการเปิดประเทศ น่าจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 64% เมื่อเทียบกับที่ไม่มีมาตรการ
ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปี 2564 ขยับขึ้นมาที่ประมาณ 1.8 แสนคน (จากคาดการณ์เดิมที่ 1.5 แสนคน) สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท
ในแนวทางวิเคราะห์นี้มองว่ารายได้การท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ยังกระจายอยู่ในเฉพาะพื้นที่ที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ในกรณีที่สถานการณ์ต่างๆ ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องคงจะช่วยหนุนให้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยมีความชัดเจนมากขึ้นอีกในช่วงปี 2565
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติสำคัญอย่างจีนและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนกลับมาท่องเที่ยว
ชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ ยุโรป บางประเทศในเอเชียและตะวันออกกลาง
ซึ่งนอกจากมาจากประเทศที่เข้าข่ายตามเงื่อนไขของทางการแล้ว (เช่น อัตราการฉีดวัคซีนสูงหรือจัดการโควิดได้ดี) ก็น่าจะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากในจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทย
นับตั้งแต่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV (Special Tourist Visa) จนมาถึง Phuket Sandbox รวมทั้งเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งสะท้อนผ่านเครื่องชี้การค้นหาโรงแรมและที่พักในไทยผ่านเว็บไซต์ต่างๆ
จากข้อมูลของกูเกิล Destination Insight (Travel Insights with Google) ที่พบว่า ตั้งแต่เดือน ก.ย. 64 จนถึงต้นเดือน ต.ค. 64 มีภาพที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยประเทศที่มีการค้นหาโรงแรมและที่พักในไทยสูง ได้แก่ รัสเซีย สหรัฐฯ อินเดีย สหราชอาณาจักรและเยอรมัน เป็นต้น
ขณะที่โรงแรมและที่พักในพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการค้นหาสูงสุด เช่น กรุงเทพฯ ป่าตอง (ภูเก็ต) พัทยา (ชลบุรี) เกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี)
และกะรน (ภูเก็ต) เป็นต้น
สำหรับจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว ก็คงจะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวในไทยที่มีความเสี่ยงโควิดต่ำ สะท้อนจากจำนวนผู้ป่วยที่ต่ำและอัตราการได้รับวัคซีนเข็มสองที่สูง
ตลอดจนเป็นจังหวัดหรือพื้นที่ท่องเที่ยวที่สอดคล้องไปกับแผนของทางการ ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และพื้นที่ที่อยู่ในแผนเปิดเพิ่มเติม เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) จังหวัดเพชรบุรี (ชะอำ) และจังหวัดชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ)
ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องคงต้องทำการตลาดเชิงรุกเพื่อสร้างดึงดูดความสนใจและร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง แม้ทางการไทยจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วก็ตาม
บทวิเคราะห์นี้เตือนว่า
“แต่ก็ยังมีโจทย์สำคัญในการที่จะต้องควบคุมการระบาดของโควิด และลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ เพื่อทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากโควิด รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนโควิด ให้ครอบคลุมประชาชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ให้ทั่วถึง โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนครบโดสให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่หรือเข้าหา 70% ในพื้นที่ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อสร้างความมั่นใจและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่”
ท้ายที่สุดจึงอยู่ที่ว่าเราเปิดประตูแบบแง้ม ๆ หรือแบบอ้าซ่า...และจัดระเบียบในบ้านได้รัดกุมเพียงใด!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ