ราคาน้ำมันใกล้จะแตะ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลแล้ว...เดือดร้อนสำหรับผู้บริโภคไปทั่วโลก
ผลชัดเจนคือ กระทบเศรษฐกิจ ดันเงินเฟ้อขึ้น ข้าวของแพงและทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง เพียงเดือนมกราคมเดือนเดียวราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นมากกว่าร้อยละ 15
พุ่งทะลุ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี
สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะความกลัวว่ารัสเซียจะบุกยูเครน
ที่น่ากังวลคือ นักวิเคราะห์พลังงานหลายคนคาดการณ์ว่า น้ำมันจะแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ในไม่ช้า
และหากความปั่นป่วนยังไม่ลดลงก็อาจจะวิ่งขึ้นไปที่ 120 เหรียญฯ ได้ ต่อให้รถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากขึ้น และการระบาดของโควิด-19 ยังคงอยู่ ก็อาจจะยังไม่อาจสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้
Exxon Mobil และบริษัทน้ำมันอื่นๆ ที่นักวิเคราะห์ Wall Street มองว่าเป็น “ไดโนเสาร์ใกล้สูญพันธุ์” เมื่อหนึ่งปีก่อนนั้น วันนี้กลับทำกำไรมหาศาลในรอบหลายปี
มีคำถามว่าทำไมราคาน้ำมันจึงพุ่งขึ้นอย่างฉับพลันเช่นนี้?
การระบาดของโควิด-19 กดดันราคาพลังงานในปี 2020 กระทั่งเกิดปรากฏการณ์ราคาน้ำมันมาตรฐานของสหรัฐต่ำกว่าศูนย์เป็นครั้งแรก
ราคาลดลงเร็วกว่าและมากกว่าที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดไว้ส่วนใหญ่
เหตุเพราะอุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์
บริษัทน้ำมันของตะวันตกเจาะบ่อน้ำมันน้อยลง
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแรงกดดันจากนักลงทุนและนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการเพิ่มขึ้นของอุปทาน
ผู้บริหารในอุตสาหกรรมน้ำมันบางคนบอกว่า กำลังพยายามที่จะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกับที่เคยทำมาแล้วในอดีต
นั่นคือเมื่อปั๊มน้ำมันขึ้นอย่างมากมายตอนราคาสูงก็มีผลทำให้ราคาดิ่งเหวในเวลาต่อมา เพราะมีสต๊อกล้น
อีกสาเหตุหนึ่งมาจากประเด็นที่ประเทศอื่นๆ เช่น เอกวาดอร์ คาซัคสถาน และลิเบียเจอภัยธรรมชาติและความปั่นป่วนทางการเมือง
ทำให้มีการกดปริมาณการผลิตในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ในเวลาเดียวกันด้านอุปสงค์ก็ปรับตัวขึ้น เพราะผู้คนทั่วโลกกำลังเรียนรู้ที่จะรับมือกับโควิด และเพราะความต้องการที่ “อั้น” ไว้ ทำให้ผู้คนต่างกระตือรือร้นที่จะจับจ่ายซื้อของและท่องเที่ยว
และเพราะกลัวจะแพร่หรือติดเชื้อ คนจำนวนไม่น้อยก็เลือกที่จะขับรถมากกว่าใช้บริการขนส่งสาธารณะ
นั่นหมายถึงการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
แต่เอาเข้าจริงๆ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดและเร่งด่วนที่สุดคือเรื่องของ “ภูมิรัฐศาสตร์”
พอมีข่าวเรื่องรัสเซียอาจบุกยูเครน ก็เกิดปฏิกิริยาทันที
ความกลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายส่งให้ราคาวิ่งขึ้นใกล้ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเกือบจะทันที
ต้องไม่ลืมว่ารัสเซียผลิตน้ำมันได้ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 1 ใน 10 บาร์เรลที่ใช้ทั่วโลกในแต่ละวัน
หากเกิดการหยุดชะงักของการขนส่งของรัสเซียที่ขนส่งผ่านยูเครน หรือหากมีการก่อวินาศกรรมของท่อส่งอื่นๆ ในยุโรปเหนือ จะมีผลทำให้เกือบทั้งทวีปตกอยู่ในภาวะ “พิการ” ทันที
นั่นย่อมทำให้เกิดการบิดเบือนของห่วงโซ่อุปทานพลังงานทั่วโลก
เพราะส่วนอื่นๆ ของโลกไม่มีกำลังสำรองเพื่อทดแทนน้ำมันของรัสเซีย
แม้ว่าการขนส่งน้ำมันของรัสเซียจะไม่หยุดชะงัก แต่หากสหรัฐฯ และพันธมิตรประกาศมาตรการคว่ำบาตรหรือควบคุมการส่งออกกับรัสเซีย น้ำมันจากรัสเซียก็จะหดหายทันที
อีกด้านหนึ่ง หากเกิดการหยุดชะงักของการส่งออกก๊าซธรรมชาติของรัสเซียไปยังยุโรป ก็อาจทำให้ระบบสาธารณูปโภคบางแห่งต้องผลิตไฟฟ้ามากขึ้น
นั่นหมายถึงการเผาน้ำมันมากกว่าการใช้ก๊าซ และนั่นแปลว่าจะเพิ่มความต้องการและราคาทั่วโลก
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรจะทำอะไรได้บ้างหากการผลิตของรัสเซียหยุดชะงัก?
คำตอบก็คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป และแม้แต่จีนก็สามารถปล่อยน้ำมันดิบออกจากแหล่งสำรองทางยุทธศาสตร์ได้มากขึ้น
ถ้าทำอย่างนั้นจริงก็อาจพอช่วยผ่อนคลายปัญหาได้บ้าง – ถ้าวิกฤตนี้เป็นแค่เรื่องระยะสั้น
แต่ถ้าอุปทานของน้ำมันรัสเซียต้องหยุดชะงักหลายเดือนหรือเป็นปีล่ะ?
ปริมาณน้ำมันสำรองของโลกจากแหล่งอื่นไม่พอแน่นอน
นั่นแปลว่าบริษัทน้ำมันของตะวันตกที่สัญญาว่าจะไม่ผลิตน้ำมันมากเกินไปอาจจะเปลี่ยนใจ ถ้ารัสเซียไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะจัดหาน้ำมันให้มากเท่าที่ควร
แรงจูงใจคือกำไรมหาศาลอันเกิดจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยก็ในระยะสั้น
มีคำถามว่า OPEC ทำอะไรอยู่?
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) สูบน้ำมันออกจากบ่อมากขึ้น
แต่สมาชิกหลายชาติบอกว่าไม่มีโควตาการผลิตรายเดือน
บางประเทศอาจไม่มีความสามารถในการเพิ่มผลผลิตอย่างรวดเร็ว
สัปดาห์ก่อน สมาชิกกลุ่มโอเปกและพันธมิตรยอมเดินตามแผนเพิ่มการผลิตในเดือนหน้า ที่ประมาณ 400,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ วอชิงตันก็มีแนวโน้มที่จะกดดันให้ซาอุดีอาระเบียเพิ่มการผลิต
นักวิเคราะห์เชื่อว่าซาอุฯ มีกำลังการผลิตสำรองหลายล้านบาร์เรลต่อวันที่เอามาเยียวยาได้ในช่วงวิกฤต
ถ้าจะให้ราคาน้ำมันลดลง ต้องทำอะไร?
ราคาน้ำมันขึ้นและลงตามวัฏจักร แต่มีปัจจัยหลายด้านที่อาจทำให้ราคาลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ข้อแรกคือ การระบาดของโควิดยังไม่จบสิ้น
จีนได้ปิดหลายเมืองเพื่อหยุดการแพร่กระจายของไวรัส เศรษฐกิจชะลอตัว
หรือความต้องการพลังงานอาจไม่เพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างที่คาด
หรือรัสเซียกับชาติตะวันตกสามารถบรรลุข้อตกลง ทำให้ลดความตึงเครียดในวิกฤตยูเครน
หรือหากสหรัฐฯ และพันธมิตรสามารถฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 กับอิหร่าน ที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ละทิ้งได้
หากเกิดข้อตกลงนี้ได้จริงก็จะทำให้อิหร่านขายน้ำมันได้ง่ายกว่าที่ผ่านมา
อิหร่านมีความสามารถที่จะส่งออกได้หนึ่งล้านบาร์เรลขึ้นไปต่อวันถ้ามีการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ได้
และในที่สุด ถ้าราคาน้ำมันสูงเกินไปก็อาจจะทำให้อุปสงค์ลดลงพอที่จะกดราคาลงได้เช่นกัน
และหากมีแรงจูงใจทางการเงินที่จะให้ผู้คนหันไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม
เช่น หากไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะถูกกว่าน้ำมันเบนซินต่อกิโลเมตร ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็วในยุโรป, จีนและอเมริกา
หากปัจจัยเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันนั่นแหละ เราจึงพอจะเห็นสัญญาณราคาน้ำมันลดลงได้
หากผิดไปจากนี้ วิกฤตราคาน้ำมันก็จะยังประชิดติดเศรษฐกิจของเราอีกต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ