ข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 ช่วงนี้ต้องรับฟังและกลั่นกรองด้วยสติและข้อมูลอย่างระมัดระวัง เพราะถ้ารับรู้ข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไปอาจจะเกิดความสับสนและงุนงงได้ง่าย
ก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขบอกว่ากำลังตั้งเป้าการบริหารจัดการให้โรคระบาดนี้กลายเป็น “โรคประจำถิ่น” ภายในปีนี้
ต่อมาผู้รู้ในวงการแพทย์บางคนตั้งคำถามว่า นิยามคำว่า “โรคประจำถิ่น” ว่าอย่างไร เพราะสายพันธุ์ Omicron ระบาดไปทั่วโลกแล้ว คงไม่กลายเป็นโรค “ประจำถิ่น” ได้ง่ายๆ
อาจจะกลายเป็น “โรคประจำฤดูกาล” ที่ไม่มีอาการรุนแรงเหมือนไข้หวัดใหญ่ที่ผ่านมา
แต่เกิดคำถามว่า ถ้าถอดโควิดออกจากโรคระบาดร้ายแรงแล้ว สิทธิของประชาชนในการได้วัคซีนและการรักษาฟรีจะถูกยกเลิกไปด้วยหรือไม่
ร้อนถึงกระทรวงสาธารณสุขต้องออกมาชี้แจงว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น และยังไม่มีการประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นในเร็วๆ นี้ เป็นเพียงการตั้งเกณฑ์เอาไว้เพื่อวางแผนให้บรรลุตามเป้าหมายนั้นเท่านั้น
เป็นจังหวะเดียวกับที่ตัวเลขคนติดเชื้อในประเทศวิ่งขึ้นเกินหมื่น
ขณะที่อีกหลายประเทศในโลกก็รายงานตัวเลขคนติดเชื้อสูงขึ้นเช่นกัน
แต่อีกด้านหนึ่งหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปก็ประกาศว่าจะยกเลิกมาตรการควบคุมเข้มข้นส่วนใหญ่แล้ว
เพราะแม้ตัวเลขคนติดเชื้อจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนคนป่วยอาการหนักและเสียชีวิตก็เริ่มจะส่งสัญญาณขาลง
เป็นจังหวะเดียวกับที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า ยุโรปอาจอยู่ใกล้ช่วง "การหยุดยิง” (ceasefire) หรือ “พักรบ” หากเปรียบเป็นการทำสงครามกับโควิด-19
และหากเป็นไปตามนั้น ก้าวต่อจากนั้นอาจจะถึงจุด “สันติภาพ” ที่ยาวนานก็ได้
ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก Hans Kluge ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำยุโรปบอกว่ามีปัจจัยที่ทำให้มีความหวังว่าสงครามกำลังจะใกล้สิ้นสุด คือสายพันธุ์ Omicron มีฤทธิ์ที่อ่อนลง
ตามมาด้วยอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง และการสิ้นสุดฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึง
ปัจจัยเหล่านี้เมื่อรวมกันเข้าก็อาจจะนำไปสู่ "การสงบศึกที่ยาวนาน” ได้
แต่ผู้บริหาร WHO คนนี้ย้ำว่า เขาไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของการระบาดใหญ่โดยสิ้นเชิง
แต่เขาเชื่อว่านี่เป็นจังหวะที่ให้ความหวังมากที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิดเป็นต้นมา
แต่ก็ย้ำว่าประเทศต่างๆ จะต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นต่อไป
และต้องจับตาว่ามีการกลายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวลวันนี้และวันหน้าหรือไม่
เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายหรือยกเลิกข้อจำกัด Covid-19 โดยสิ้นเชิง
รัฐบาลสวีเดนกำหนดให้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่โรคระบาดใหญ่เข้าสู่ “ระยะใหม่” ในประเทศ
โดยได้ยกเลิกข้อจำกัดหลายประการ
อีกทั้งผ่อนคลายหลายมาตรการ เช่น ไม่ต้องมีใบรับรองวัคซีน
และไม่บังคับให้ต้องใส่หน้ากากอนามัยในการเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะ
ช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรปใหม่ๆ สวีเดนไม่ยอมสั่งล็อกดาวน์
ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียอยู่ที่ 16,000 รายนั้นสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของยุโรป
แต่ก็สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างนอร์เวย์ ฟินแลนด์ และเดนมาร์กอย่างมาก
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โคเปนเฮเกนและนอร์เวย์เดินตามสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ด้วยการประกาศยกเลิกการจำกัดข้อจำกัดของ Covid-19 เกือบทั้งหมด
วันรุ่งขึ้นฝรั่งเศสเริ่มผ่อนคลายมาตรการบางอย่าง เพราะอัตราผู้ป่วยรายวันค่อยๆ ลดลง
แต่เยอรมนียังมีความระแวดระวังพอสมควร
เพราะมีรายงานอัตราการติดเชื้อเป็นประวัติการณ์
และยังให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 สำหรับคนที่เข้าข่ายความเสี่ยงสูง
ในประเทศไทย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์บอกว่าตัวเลขโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นไม่สำคัญเท่ากับจำนวนคนนอนป่วยและเสียชีวิต
คุณหมอบอกว่าการประเมินสถานการณ์ต้องไปพิจารณาตามเส้นกราฟแบบจำลองการคาดการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ที่มีการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้
โดยมีการคาดการณ์ว่า หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงถึง 3 หมื่นราย
แต่หลายวันที่ผ่านมา ตัวเลขติดเชื้อใหม่อยู่ที่เกินหมื่นมาเล็กน้อย
“อย่างที่ทราบกันดีว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่ติดง่าย ตัวเลขจึงเป็นไปตามที่คาดการณ์ และอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ตามมาตรการต่างๆ” นพ.โอภาสกล่าว
นักข่าวถามว่าพอจะมีหลักเกณฑ์หรือข้อมูลเบื้องต้นให้ประชาชนสามารถวิเคราะห์ หรือพิจารณาเบื้องต้นเองได้หรือไม่ว่า สถานการณ์โควิดแนวโน้มจะน่ากังวลเมื่อไหร่
นพ.โอภาสกล่าวว่า ประการที่ 1 คือ จำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ด้วยโอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่แพร่งายแพร่เร็ว จึงต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องผู้ป่วยอาการหนัก และเสียชีวิต
ประการที่ 2 การพิจารณาตัวเลขผู้ป่วยอาการหนัก เช่น ปอดอักเสบ มีโอกาสเสียชีวิต ผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ กลุ่มนี้มีความเสี่ยงเชื้อลงปอด ทางเดินหายใจล้มเหลว
และประการที่ 3 จำนวนผู้เสียชีวิต
ตอนนี้ที่ตั้งเป้าให้ทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิตมีอัตราจำนวนน้อยที่สุด โดยตัวเลขติดเชื้อขณะนี้ยังไม่ค่อยกังวลมากนัก
ส่วนผู้ป่วยปอดอักเสบประมาณกว่า 500 ราย และมีจำนวนผู้ใส่ท่อช่วยหายใจอีก ขณะที่เสียชีวิตประมาณ 20-30 ราย
ซึ่งตัวเลขประมาณนี้เมื่อเทียบกับสัดส่วนผู้ติดเชื้อ ยังไม่ถึงเส้นกราฟสีแดง
“สิ่งสำคัญการป้องกันการติดเชื้อไม่ให้เพิ่มขึ้นยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง
ซึ่งตอนนี้มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น คนก็เริ่มผ่อนคลาย มีการจัดงานเลี้ยง งานแต่ง งานบวช หรืองานศพ
ส่วนใหญ่การติดเชื้อจะพบในคลัสเตอร์เล็กๆ ซึ่งจะใกล้ชิดกัน และไม่สวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งการรับประทานอาหารร่วมกันยังเป็นปัจจัยการติดเชื้อที่ต้องระวัง
นพ.โอภาสยืนยันว่า ตัวเลขก็เป็นไปตามแบบจำลองสถานการณ์โควิด ซึ่งยังอยูในเส้นกราฟสีเขียว
ความหวังคือตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป สถานการณ์โควิดในไทยจะเข้าสู่ภาวะที่ควบคุมได้
ส่วนจะถึงจุดเป็น “โรคประจำถิ่น” หรือไม่
หรือจะเข้าสู่ช่วง “พักรบ” หรือไม่
ยังมีปัจจัยไม่แน่นอนที่ไม่มีใครทำนายอย่างมั่นใจได้แน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ