'สันติสุขใต้' เกิดจริงหรือ?

เมื่อวาน คุยกันเรื่องผลดีที่จะตามมา หลัง "ไทย-ซาอุฯ" คืนสัมพันธ์

๑ ในนั้น คือ ประเด็นที่ "ไทย-ซาอุฯ" เห็นชอบร่วมกัน

"ความไม่สงบใน ๓ จว.ชายแดนใต้ 'ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี' ที่เรื้อรังมายาวนาน"

ถึงเวลาจะคืนสงบ ชนิด "ยั่งยืน" กันซะที!

พี่น้อง "ไทยพุทธ-ไทยมุสลิม" จะได้อยู่ร่วมกันตามแนวทางสันติสุข รักสามัคคี ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อกันอีกต่อไป

โดย "องค์การความร่วมมืออิสลาม" ที่เรียกกันว่า "OIC"

จะเข้ามาช่วยส่งเสริมการแก้ปัญหาใน ๓ จังหวัดใต้นับจากนี้!

OIC คืออะไร สามารถ "ชี้เป็น-ชี้ตาย" ปัญหานี้ได้เพราะอะไร  เราคุยกันไปแล้วเมื่อวาน ฉะนั้น ข้ามประเด็นนี้ไป

ก็มาถึงประเด็นว่า.......

แล้ว "สันติสุขชายแดนใต้" จะเกิดเป็นรูปธรรมให้จับต้องได้เมื่อไหร่  แบบไหน และอย่างไร?

ตามที่นายกฯ นำผลตกลงกับซาอุฯ มา "รายงานประชาชน" เมื่อ ๒๖ มกรานั้น

แค่ "นามธรรม"

ถ้าไม่ลงมือขับเคลื่อน-ผลักดัน "สันติสุข" ก็จะมีแค่ตัวหนังสืออยู่ในกระดาษเท่านั้น

ก่อนคุย ขอนำแถลงการณ์เทศบาลนครยะลามาให้อ่านก่อน

คำแถลงการณ์ของเทศบาลนครยะลา

เทศบาลนครยะลารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์วางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 28 ต่อเนื่องถึงวันที่ 29 มกราคม  2565

เนื่องจากตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์การระ บาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลให้พี่น้องประชาชนดำเนินชีวิตอย่างลำบากยากเข็ญ

ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนอย่างแสนสาหัส

เทศบาลนครยะลาพยายามอย่างยิ่งในการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและแก้ไข ฟื้นฟูกิจกรรมต่างๆ ให้กลับมา เพื่อต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนเดิม

จนกระทั่งบัดนี้ สถานการณ์โรคโควิด-19 ได้เริ่มคลี่คลายลง  ประชาชนเริ่มมีความหวังและออกมาใช้ชีวิตตามปกติ

แต่เมื่อวันที่ 28 ต่อเนื่องถึงวันที่ 29 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา  ได้มีกลุ่มบุคคลหรือขบวนการที่ไม่อาจทราบได้ทำการวางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลาจำนวนมากกว่า 20 จุด

สิ่งเหล่านี้ ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ไม่อาจประเมินค่าได้

ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ดังที่เทศบาลได้ตั้งใจไว้ให้กลับไปสู่ภาวะตั้งต้นและติดลบอีกครั้งหนึ่ง

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำเพียงเพื่อตอบโต้กลุ่มบุคคล หรือด้วยเหตุผลใดๆ แต่ล้วนก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อประชาชนที่ทุกฝ่ายอ้างว่าเป็นที่รักและต้องการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งสิ้น

เทศบาลนครยะลา จึงขอเรียกร้องให้ยุติการกระทำเช่นนี้ และหันมาพูดคุย หาทางออกอย่างสันติ โดยไม่ใช้ความรุนแรง เพราะปัจจุบัน การใช้ความรุนแรงเป็นวิธีการที่สังคมโลกไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป อีกทั้งไม่สามารถนำสันติสุขกลับคืนสู่แผ่นดินเกิดของเราได้

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อให้ประชาชนที่ต่างฝ่ายต่างอ้างกันว่าเป็นที่รักจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขอย่างยั่งยืน

นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ

นายกเทศมนตรีนครยะลา

30 มกราคม 2565

.................................

จะเห็นว่า นายกฯ แถลงผลสำเร็จ "ไทย-ซาอุฯ" ๒๖ มกรา ต่อมาอีก ๒ วัน คือ ๒๘-๒๙ มกรา มีการลอบวางระเบิดในตัวเมืองยะลา รวดเดียว ๒๐ จุด!

เคราะห์ดี ไม่มีคนเจ็บ-คนตาย

ผู้ทำเจตนาแสดงศักดานุภาพให้ประชาชนเห็นว่าพวกเขาเหนือกว่าการควบคุม-ป้องกันจากภาครัฐ

เป็นเพียงระเบิดเสียง ไม่ใช่ระเบิดหวังผลสังหาร!

อีกด้าน เป็นการ "ตอบโต้" เจ้าหน้าที่ ที่ออกตรวจค้นและเกิดการปะทะ จนขบวนการแบ่งแยกเสียชีวิตก่อนหน้า

แต่ก็นั่นแหละ การที่ขบวนการ "วางระเบิด" ในเขตเทศบาลนครยะลาได้ทีเดียว ๒๐ จุด โดยภาครัฐและภาคประชาชนไม่รู้เลย

นั่น "ทางจิตวิทยา" น่ากลัวกว่าระเบิด "ลูกเดียว" มีคนตาย อย่างที่ฝังถนนตามหมู่บ้านห่างไกลเสียอีก!

ข้อสังเกตกรณีนี้ คือ.......

ศอ.บต.-ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, กอ.รมน.ภาค ๔ สน.-กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า, ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ที่ยะลาทั้งนั้น

ไม่ต้องพูดถึง "ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา" ที่เป็น "เจ้าเมือง"

แต่ปรากฏว่า แถลงการณ์เรียกร้องให้ขบวนการยุติความรุนแรง แล้วมาพูดคุยหาทางออกในแนวทางสันติร่วมกัน

กลับเป็น นายกเทศมนตรีนครยะลา "นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ"

ก็เห็นอีกมุมในความ "รักบ้าน-รักเมือง" ในสายเลือด ทำได้เป็นทำ ไม่เกี่ยงว่าปัญหาใคร หน้าที่ใคร

จะว่าไป ชื่อ "คุณพงษ์ศักดิ์" กับชื่อ "จังหวัดยะลา" ในกว่า ๒  ทศวรรษ แทบจะเรียกแทนกันได้ จากงาน "เอาบ้าน-เอาเมือง" ของนายกเทศมนตรีนครยะลาคนนี้

จะบอกว่า นายกเทศมนตรีพงษ์ศักดิ์ คือ "พ่อเมืองภาคประชาชนคนยะลา" ก็ไม่ผิดจากที่เป็นจริง

จากข้อสังเกต มาถึงช่องว่างระหว่างเหตุการณ์บ้าง   ต้องบอกว่า ความไม่สงบชายแดนใต้ ไม่ใช่ทุกข์ของคน "ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี" เท่านั้น

หากแต่เป็น "ทุกข์ร่วมกัน" ทั้งทางกายและทางใจของคนไทยด้วยกันทั้่งประเทศ

นายกฯ ไปฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ หนึ่งในหัวข้อหารือตกลง คือ OIC  จะเข้ามาช่วยส่งเสริมการแก้ปัญหา สร้างสันติสุขยั่งยืนให้ชายแดนใต้

ทุกคนดีใจ ต่อจากนี้ แผ่นดิน "ขวานทองไทย" เชื่อมสนิทเหนือ-ใต้-ออก-ตก เสียที

แต่แค่พูด "สันติสุข" จะเกิดได้อย่างไร ถ้าไม่เห็นการขับเคลื่อนเป็นรูปธรรม?

ในความเห็นผม ทุกการขับเคลื่อน ถ้าภาครัฐไม่นำภาคประชาชนพื้นที่เข้าร่วมรับรู้-รับเห็นด้วย

ไม่เกิดหรอก "สันติภาพ-สันติสุข" น่ะ!

ที่นายกฯ รายงานประชาชน ผมอยากเห็นนายกฯ เดินทางไป ๓  จังหวัดใต้ เชิญพี่น้องประชาชนมาพร้อมหน้ากัน
แล้วท่านนายกฯ "รายงานประชาชนชายแดนใต้" ตรงนั้นเลยว่า องค์การความร่วมมืออิสลาม ๕๗ ประเทศ (OIC) อันมีซาอุฯ เป็นประธาน กับไทย

จะเดินหน้าแก้ปัญหาความไม่สงบสร้างสันติภาพให้ชายแดนใต้เป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ แบบไหน อย่างไร?

ทุกงาน ต้องมี "เจ้าภาพ"

แต่งานสร้างสันติสุขชายแดนใต้ หาเจ้าภาพเป็นตัว-เป็นตนจริงจังไม่ได้ซักที

เหมือนงานฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ ก็ฟื้นกันมาแทบทุกรัฐบาล

แต่หา "เจ้าภาพใหญ่" เอาจริงเอาจังต่อเนื่องไม่ได้ เนิ่นนานมากว่า ๓๐ ปี มาสำเร็จเอายุคนายกฯ ประยุทธ์ เพราะอะไร?

เพราะนายกฯ จริงใจ เป็น "แม่งานใหญ่" ฟื้นสัมพันธ์ชนิดเอาจริงและต่อเนื่อง จึงมีผลสำเร็จวันนี้

นายกฯ น่าจะลงไปล้อมวงเล่าเรื่องราวที่ไปซาอุฯ ให้คนยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส เขาฟังนะ

เชิญผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนมาร่วมฟัง ร่วมซักถาม กำหนดประเด็น ให้เห็นทางออกจากอุโมงค์ปัญหาไปสู่แสงสันติภาพ โดยมีประชาชนร่วม

แบบนี้ ถึงสันติสุขยังไม่เกิด แต่รูปธรรมสันติภาพเกิดแล้ว!

กรณี "กรือเซะ-ตากใบ" หวุดหวิดคณะมนตรี รมว.ต่างประเทศอิสลาม ๕๗ ประเทศจะลงมติ "ยกระดับปัญหา" สู่การสนับสนุนแยกดินแดน แต่ถูกยับยั้ง เพราะคนกระทรวงต่างประเทศเราเก่ง

จนล่าสุด ปัญหาคาใจเรื่องนี้หมดสิ้นไป.....

ด้วยมติที่ประชุม รมว.ต่างประเทศ ๕๗ ประเทศ ปี ๖๓ นี้เอง นั่นคือ หัวข้อแยกดินแดนใต้ จะไม่มีเป็นวาระอีกต่อไป

ส่วนหนึ่งเพราะการทำงานของกระทรวงต่างประเทศ แต่อีกส่วน เพราะอะไรรู้มั้ย?

เพราะ OIC เขาไม่ใช่แค่นั่งฟังคนฟ้อง อ่านเปเปอร์ แล้วมโนตาม  หากแต่ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ หลังขบวนการพูโลไปฟ้องประเด็น "กรือเซะ-ตากใบ"

เขายกคณะมาดูพื้นที่จริงที่ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี ถึง ๔ ครั้ง คือ ปี ๔๘ ปี ๕๐ ปี ๕๙ และปี ๒๕๖๐!

มาพบชาวบ้าน มาสอบถามทุกฝ่าย จนเข้าใจปัญหา เมื่อฟื้นสัมพันธ์ ซาอุฯ จึงยินดีให้ OIC มาช่วยส่งเสริมสร้างสันติสุขชายแดนใต้

ซาอุฯ เขาพูดจริง-ทำจริง และทำเร็วอีกตะหาก ฉะนั้น ท่านนายกฯ นำคณะลงไปสัมผัสพื้นที่จริง พูดคุยกับพี่น้อง ๓ จังหวัดใต้ เรียกว่า "ทำการบ้าน" เตรียมไว้เถอะครับ

๓ จังหวัดใต้นี่แหละ......

เหมาะสุดที่จะเป็น "ศูนย์กลางฮาลาลโลก" ทั้งอาหาร การพักผ่อน ท่องเที่ยว และทั้งการช็อปปิ้ง

ไปย่ำด้วยตีน เห็นด้วยตา แล้วจะรู้ว่า........

"โคตรเพชร" อีกเม็ด

ฝังอยู่ที่ "ยะลา-นราธิวาส-ปัตตานี" นี่เอง!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'Grab rider ต้วง'

ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา