อาต่ายไม่รื่นหู

ทั้งการบอก "ผมมีลูกคนเดียว ย้ำเสมอว่าอย่าทำตัวเป็นขยะสังคม" หรือยืนยัน "ผมไม่มีญาติแบบนี้ ผมตระกูลพันธุ์เพ็ชร์  และไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางพ่อหรือแม่ของผม"  ใครได้ยินได้ฟังก็น่าจะรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของ ผบ.ต่าย พร้อมกับบอก "มีคนอยากถ่ายรูปกับผม ซึ่งผมก็ถ่ายด้วย ยิ่งเมื่อผมก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. มีคนอยากเป็นลูกเป็นหลานผมเยอะ และทุกคนก็เรียกผมว่าอาต่าย ซึ่งผมได้ย้ำกับตำรวจทุกคนว่า เราทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ขอให้ทำตัวเหมือนญาติ ใครจะเรียกเราน้าหรืออาเป็นเรื่องที่ดี ผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าท่าน ดังนั้นความใกล้ชิดหรือรู้จักกันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เด็กคนนี้กระทำเราแยกออกไป" ย้ำชัดๆ ขนาดนี้ หากโรงพักดำเนินคดีไม่ตรงตามข้อเท็จจริงมีหวังโดน "อาต่าย" เช็กบิลแน่ ๐

ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โฆษกกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกถึงผลการดูแลความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกการเดินทางของพี่น้องประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ และนำคำชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่จาก ผบ.ต่าย  ส่งตรงไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยงาน พร้อมทั้งสรุปผลโครงการฝากบ้าน 4.0 มีพี่น้องประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการ 7,514 หลัง ส่งคืนไปเรียบร้อย ยังไม่พบการรายงานเหตุ ทุกหลังมีความปลอดภัยดี แต่ในช่วงสงกรานต์ ไฮไลต์ที่ชาวบ้านแถวนครปฐมพูดถึงกันมาก ก็คือการทำหน้าที่ของ "พ.ต.อ.นครปฐม ปลอดภัย" ตำรวจ Robocop ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับเทศบาลนครนครปฐมเปิดตัว “AI Police Cyborg 1.0” หุ่นยนต์ตำรวจ Robocop ที่มีกล้อง AI อัจฉริยะรอบตัว ร่วมทำหน้าที่กับตำรวจจริง ซึ่ง "พ.ต.อ.นครปฐม ปลอดภัย" มีคุณสมบัติทั้งการจดจำใบหน้าพร้อมทั้งระบบ Blacklist Face Recognition แจ้งเตือนเมื่อตรวจเจอบุคคลตามหมายจับ และบุคคลเฝ้าระวังที่อาจไปก่อเหตุสร้างความอันตรายภายในงาน สามารถติดตามคนร้ายหรือบุคคลต้องสงสัยจากใบหน้าได้ทั่วทั้งงาน ระบบ Advanced Search การค้นหาบุคคลอัจฉริยะที่สามารถค้นหาบุคคลต้องสงสัยจากใบหน้า ตำหนิรูปพรรณ การแต่งกายภายนอก รูปร่าง และเพศ ตรวจจับอาวุธ (ยกเว้นปืนฉีดน้ำ) เช่น ดาบ มีด ไม้หน้าสาม และสิ่งที่มีลักษณะคล้ายอาวุธอื่นๆ ที่อาจสร้างความอันตรายภายในงาน และตรวจพฤติกรรมที่อาจเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงภายในงาน เช่น การทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกาย การยกพวกตีกัน...ยอดเยี่ยมจริงๆ พ.ต.อ.นครปฐม  ปลอดภัย ๐

ร่วมอนุโมทนาสาธุกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ, พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. ที่นำข้าราชการตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทำพิธีสมโภชพระไพรีพินาศ พระประธานประจำองค์กร ณ มณฑลพิธีลานอเนกประสงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา มีพระมหานัทวุธ ณฏฺฐิโก (ท่านพ่อเณร) เจ้าอาวาสวัดแสนเกษม เป็นประธานบวงสรวง และ ดร.เสมอ งิ้วงาม (ป๋อง สุพรรณ) ประธานมูลนิธิพระเครื่องพระบูชา (ประเทศไทย) นำคณะทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระพุทธรูปบูชาไพรีพินาศประดิษฐานและประกอบพิธีบรรจุแผ่นจารึกชื่อที่ฐานพระไพรีพินาศ เมื่อช่วงก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมา

การฝึกภาคสนามระดับกรมทหารราบผสม (Brigade Combat Team-BCT) โดยกองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) ณ สนามยิงปืนบ้านดีลัง จ.ลพบุรี ระหว่างวันที่ 15-22 เม.ย. ถือเป็นการฝึกสำคัญตามนโยบายของ "ผบ.ปู" พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้ทุกหน่วยทหารยึดถือเรื่อง "การฝึกให้พร้อมต่อทุกภัยคุกคาม" เป็นสำคัญ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ และปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศของกองทัพบก สำหรับ พล.ร.11 ถือเป็นกองพลทหารราบยานเกราะ ที่มีการเสริมสร้างหน่วยมาอย่างต่อเนื่อง และมีแผนจัดหายานเกราะล้อยาง Stryker  สัญชาติสหรัฐฯ เข้าประจำการเพิ่มเติมอีก 1 กรม ซึ่งกองทัพบกได้เชิญ “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ร่วมชมการฝึกในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นการฝึกโครงสร้างหลักของหน่วยรบยานเกราะที่ทันสมัยเต็มรูปแบบ โดยมีหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 1 ประกอบด้วย ร้อย.ม.ลว.1, ม.พัน.4, ช.พัน.1, พัน.สร.1, กอง.พธ.1, ป.1 พัน.11 รอ., ร้อย.สห.3, พัน.สห.12 และ ร้อย.ลว.ไกล 1 และ นขต.ทบ. ประกอบด้วย พัน.บ.ฉก. (ศบบ.), ร้อย.ปตอ. (นปอ.), ร้อย.ขกท. (ขกท.), ร้อย.คปม. (พล.ป.) และ ร้อย.วศ. (วศ.ทบ.) เข้าร่วมการฝึกครั้งนี้ด้วย

 "ผบ.อ๊อฟ" พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมเหล่าทัพ ที่หอประชุมกองทัพเรือ โดยมีวาระรายงานการติดตามความคืบหน้า “หน่วยปฏิบัติการพิเศษทหาร-ตำรวจ” ที่ได้ให้นโยบายเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการร่วม เพื่อรองรับสถานการณ์ก่อการร้าย พัฒนารับมือวิกฤตนานาชาติ โดยศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ต้องปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเหล่าทัพ เมื่อมีการเรียกปฏิบัติได้ตลอดเวลา หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เดินหน้าตามแผนแม่บทพัฒนากำลังระยะ 6 ปี (พ.ศ. 2565-2570) ภายใต้กระบวนการ "วงจรนักรบพิเศษ"

ขณะที่ กองทัพเรือ โดยหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ นำเสนอแนวทางพัฒนาขีดความสามารถ เพื่อให้พร้อมเผชิญภัยคุกคามในทุกมิติ ติดตามสภาพสถานการณ์ ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการทั้งสองฝั่งทะเล ด้าน กองทัพอากาศ ได้นำเสนอการปฏิบัติการพิเศษร่วมของกรมปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 3 กองพัน ขึ้นตรงการปฏิบัติกับหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น หน่วยคอมมานโด (Commando) หน่วยหนุมาน กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย อรินทราช 26 ฯลฯ ทำหน้าที่หลักในการเป็นชุดจู่โจม ปิดล้อมตรวจค้น และการปฏิบัติการพิเศษร่วมในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ.