
วันนี้ไปไหนมาไหน จะมีคำถามยอดนิยมติดกระแสคือ วันที่เกิดแผ่นดินไหว คุณทำอะไรอยู่? ที่ไหน?
ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยวิธีเล่าสู่กันฟัง แต่สังเกตได้ว่า แทบทุกคนไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอเหตุการณ์ที่น่าตื่นตกใจมากมาย และงงๆ ว่าเราควรจะรับมืออย่างไรกับแผ่นดินไหว แต่ส่วนใหญ่นึกว่าตัวเองป่วยกะทันหัน ไม่สบาย บ้านหมุน ความดันต่ำ...
ความตื่นกลัวและการตัดสินใจที่ไม่รู้ทิศรู้ทาง นอกจากหนีตายให้เร็วที่สุด กลายเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า คนจำนวนมากรีบวิ่งหนีออกจากอาคารทันที โดยไม่ทันสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว บางคนอาจถูกเศษกระจกหรือสิ่งของที่ตกลงมาจากที่สูงทำให้ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่บางคนกลับเลือกอยู่ในอาคาร แต่ไปยืนใกล้หน้าต่างหรือชั้นวางของหนัก
คนไทยไม่รู้เลยว่า หลักการพื้นฐานของการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวคือ "หมอบ คลุม ยึด" (Drop, Cover, Hold on) ซึ่งหมายถึงการหมอบลง ป้องกันศีรษะ และจับยึดสิ่งที่มั่นคงเพื่อลดความเสี่ยงจากแรงสั่นสะเทือน
ปัญหาที่น่าสนใจคือ เราไม่รู้ว่าจะหาที่ปลอดภัยตรงไหน หลายคนคิดว่าการวิ่งออกจากอาคารเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอ แต่ในบางกรณี การอยู่ภายในอาคารในจุดที่มั่นคงอาจปลอดภัยกว่าการเสี่ยงวิ่งออกไปกลางแจ้ง โดยเฉพาะในเมืองที่มีตึกสูงจำนวนมาก เสี่ยงต่อเศษอิฐ กระจก และวัตถุหล่นใส่ การเอาตัวรอดที่ถูกต้องคือหามุมปลอดภัย เช่น ใต้โต๊ะที่แข็งแรง ใกล้เสาหลักของอาคาร หรือในพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งของตกลงมาได้ง่าย
อีกสิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ การเตรียมตัวล่วงหน้า หลายครัวเรือนไม่เคยมีแผนรับมือแผ่นดินไหว เช่น การกำหนดจุดรวมตัวกับสมาชิกในครอบครัว การรู้ว่าควรปิดแก๊สและไฟฟ้าทันทีหลังจากแรงสั่นสะเทือนสงบลง หรือการเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย ถ่านสำรอง หรือชุดปฐมพยาบาลเล็กๆ ไว้ในบ้าน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าแผ่นดินไหวเป็นเรื่องไกลตัว จึงไม่ได้เตรียมพร้อม ทำให้เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์จริงอาจเกิดความสับสนและจัดการตัวเองได้ไม่ดี
แม้ว่าแผ่นดินไหวอาจไม่ใช่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบ่อยในประเทศไทย แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าคนกรุงยังไม่พร้อมที่จะรับมืออย่างถูกต้อง หากประชาชนได้รับการฝึกฝนให้รู้จักวิธีเอาตัวรอดเบื้องต้น เข้าใจถึงพฤติกรรมที่ควรทำและไม่ควรทำ และมีการเตรียมตัวล่วงหน้า ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดหากเกิดแผ่นดินไหวในอนาคต
นอกจากนั้นคือ ตัวเราเองนั่นแหละ จำเป็นต้องระลึกเสมอแล้วว่า เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้อาจจะกลับมาอีกก็ได้ ใครจะไปรู้ ดังนั้นการหาคำตอบเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและคนที่เรารัก เป็นเรื่องไม่ควรมองข้ามนะคะ.
'ป้าเอง'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
5นาทีหลังมื้อเย็นที่ช่วยให้ 'หลอดเลือดสะอาดขึ้น'
เพื่อนๆ มนุษย์ป้าส่งกันมายกใหญ่ ว่าอีกไม่กี่วันก็จะข้ามไปปีม้าแล้ว ขอให้ขยันหายใจเข้าไว้ พร้อมกับเคล็ดลับดูแลตัวเองแบบง่ายๆ ด้วยข้อความว่า
เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
ศูนย์อพยพที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากกว่าหนึ่งแสนชีวิต อันเกิดจากความขัดแย้งทางการทหารระหว่างไทย–กัมพูชา ..แน่นอนว่า ทำให้คนไทยทุกคนสะท้อนใจ แม้จะมีข่าวว่า ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันให้การดูแลกับคนที่ต้องทิ้งบ้านมาอย่างใกล้ชิดก็ตาม
ขอบ่น..ด้วยคน
ค่าฝุ่น PM 2.5 ช่วงนี้อาละวาดจนไม่รู้จะบ่นกับใครแล้ว นี่มนุษย์ป้าเขียนงานไปก็จามไป จมูกฟุดฟิดหงุดหงิดแดงเป็นโบโซ่เลยทีเดียว
วัน(แก้ไข)รัฐธรรมนูญ
10 ธันวาคมของทุกปี เรารับรู้กันว่าเป็น "วันรัฐธรรมนูญ" เพราะเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 คือวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม 2475-รัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของไทย ให้แก่ประชาชนชาวไทยโดยเป็นทางการ
ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!
ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่
ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย

