ส่งเสริมอย่างไร?

วันกรุงเทพฯ ตึกถล่ม..

เห็นข่าว ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. .... ที่เขาส่งต่อๆ กันว่อน ว่าได้ผ่านความเห็นชอบ ครม. และจะถูกส่งเข้ารับการพิจารณาในสภาในเร็ววันนี้

จากนั้น ก็จะส่งไปยังกฤษฎีกาให้พิจารณาก่อนที่จะถูกประกาศให้ใช้แทน พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ฉบับพุทธศักราช 2551

ก็..เห็นว่าคนหนังไทยเขาดีอก-ดีใจกันใหญ่ ซึ่งในความคิดของผู้ชำนาญการในเรื่องนี้คงจะเห็นว่า ถ้าเปรียบเป็นเรืออีโปงก็ควรที่จะปลดระวางได้แล้วประมาณนั้นกระมัง?

 ส่วนผู้ชำนาญการที่ว่านี้กำพืดมาจากไหน หัวนอนปลายเท้าเป็นอย่างไร ผมไม่อาจทราบหรอกครับ เพราะไม่ได้สนใจ แต่คงเชี่ยวชาญแน่นอน..

ไม่งั้นมีหรือจะยกร่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่จะสำเร็จลงได้!

 แต่ที่ว่า เนื่องจากฉบับที่ใช้อยู่ปัจจุบันมันเก่าแล้วนั้น คงไม่ใช่เจตจำนง ประเมินจากการให้เหตุผล นัยว่าฉบับปัจจุบันที่ใช้อยู่ ดูจะเน้นการควบคุมมากกว่าการส่งเสริม

และพิจารณาจากที่ได้สรุปมาเป็นข้อๆ ก็เห็นควรด้วย แต่ติดตรงไม่ได้ขยายว่า คณะกรรมการที่แต่งตั้งให้ทำหน้าที่ส่งเสริมนั้น อะไร อย่างไร?

จะตั้งกันขึ้นมาก่อนแล้วค่อยตกลงหารือกันทีหลัง ว่าจะส่งเสริมอะไรอย่างไร เพื่อให้เกิดประสิทธิผล..นี่ไม่รู้!

แล้วไฮไลต์ข้อต่างๆ ของร่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่มีอะไรบ้างล่ะ ก็มีตามนี้

1.ยกเลิกคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ คณะกรรมการชุดนี้ทำหน้าที่อะไรผมก็ไม่ทราบ จะเป็นปัญหาต่อพัฒนาการของหนังไทยหรือเปล่าก็ไม่ทราบอีก

เมื่อไม่ทราบก็ไม่มีความเห็น แต่ถ้าดูในข้อต่อไป ก็น่าจะเดาได้ว่า ในข้อแรกคณะกรรมการถนัดในการ “ควบคุม” ส่วนควบคุมแบบไหนอย่างไร อย่างที่บอก ไม่ทราบได้

2.ตั้ง “คณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งชาติ” เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมมากกว่าควบคุม

ผมก็คิดไม่ออกว่า อะไรบ้างที่ท่านจะส่งเสริมและส่งเสริมอย่างไร ในความเห็นของผม ถ้าจะส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย

อย่างแรกที่ต้องรู้คือ เวลานี้ภาพยนตร์ไทยมันยังไม่ได้เป็นอุตสาหกรรมกันเลยนะ ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่ชี้ได้ว่า การผลิตภาพยนตร์ไทยเป็นอุตสาหกรรม 

กฎหมายแรงงานขั้นต่ำก็ยังล้วงเข้าไปไม่ถึง แรงงานรายวันก็ล้วงไม่ถึง กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ที่ต้องมีสหภาพแรงงานก็ไม่มี อะไรที่จะทำให้เป็นอุตสาหกรรมไม่มีเลยสักอย่าง

คิดเองเออเองทั้งนั้นว่าเป็นอุตสาหกรรม เวลาทำงานก็เกิน 12 ชั่วโมง แถมไม่มีโอเวอร์ไทม์หรือค่าล่วงเวลา และหรือชดเชยเวลาพักที่คนงานต้องทำงานในวันพัก

เช่นเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดทางราชการ ประกันภัยบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ เจ็บป่วยในขณะทำงานก็ไม่มี สิ่งเหล่านี้ที่ต้องส่งเสริมเสียก่อน 

ผมไม่เชื่อว่า คณะกรรมการส่งเสริมที่จะตั้งกันขึ้นมาใหม่นี้ จะสามารถทำได้ดีกว่าที่ยุบไปเพราะถูกเห็นว่า เน้นควบคุมเกินส่งเสริม ทำให้เสรีภาพน้อยไป!

3.ตั้ง “สภาอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งประเทศไทย” เพิ่มอำนาจต่อรองให้เอกชน อันนี้ไม่เข้าใจ ตั้งสภาเพื่อการต่อรอง ต่อรองอะไรกับใคร โนไอเดียครับ ประเด็นนี้

  1. 4.ปลดล็อกโรงภาพยนตร์ เปลี่ยนการขออนุญาตเป็นการ“จดแจ้ง” ..คืออย่างไร เพราะคนทำหนังเขามองว่า โรงภาพยนตร์นั่นแหละตัวดี ที่เป็นอุปสรรคต่อคนทำหนัง ฉะนั้น..ปลดล็อกตรงไหน ไม่เข้าใจ

5.อนุญาตให้เอกชนสามารถจัดเรตภาพยนตร์ได้เอง พร้อมนำมาตรฐานการจัดเรตจากต่างประเทศมาใช้ 

แล้วประเทศไหนล่ะที่จะนำมาใช้? เพราะประเทศทั่วโลกก็มีมาตรฐานการจัดเรตภาพยนตร์ต่างๆ กันไป บางประเทศยังมีการ “แบนหนัง” อยู่เลยนี่นา!

สรุป..เท่าที่ดูทรงของร่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่นี้ บนเหตุผลที่ว่า ฉบับเก่ามุ่งควบคุมมากกว่าส่งเสริม ก็ไม่เข้าใจว่า ควบคุมนั้นมีข้อกำหนดไว้อย่างไร ผมไม่ทราบ

ส่วนที่ว่าจะมุ่งส่งเสริมแทนนั้น พูดยังกะว่า รัฐบาลไทยเมื่อก่อนไม่เคยส่งเสริมหนังไทยเลย ลืมไปหรือไง..

รัฐบาลในยุคนั้นได้เปิดช่องให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยมีสิทธิขอการส่งเสริมจากบีโอไอ เช่น ลดภาษีการนำเข้าเครื่องจักร เครื่องมือหรืออุปกรณ์ ฟิล์มภาพยนตร์ ฯลฯ

เจ้าหน้าที่บีโอไอเคยพูดว่า เปิดทางให้แล้ว แต่แทบไม่มีใครไปขอรับการสนับสนุน เขาบูรณาการกับสรรพากรให้ด้วยนะในการลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์

เวลานี้ บีโอไอเลิกไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ เหมือนกับที่ไม่รู้..

พ.ร.บ.ใหม่จะส่งเสริมหนังไทยยังไงนี่แหละ!.

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฝากถึง ‘อาจารย์เชน’

“สรรพลี้หวน” (อ่านว่า สับ-พะ-ลี้-หวน).. ใครที่เป็นคนปักษ์ใต้ ก็น่าจะพอได้ยิน-ได้รู้มาบ้างหมายถึงอะไร หรือหากสงสัยด้วยไม่คุ้นตา-คุ้นหูมาก่อน ก็ลองอ่านจากที่วิกิพีเดียบันทึกไว้ก็ได้..

ใครต้องการ?

ธาตุไฟแตกอาการเป็นอย่างไร? ดูได้จากคุณอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ที่โพสต์เมื่อวานนี้.. “การเมืองที่ดี ต้องพาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่พากลับไปซ้ำรอยเดิม

‘ฝ่ายค้าน’นิรันดร์กาล!

“เวลานี้ด้วยความที่ทุกคนกล่าวขานกันอย่างชัดเจนว่า พวกส้มมาแน่ วันนี้เราจึงเจอปฏิบัติการ IO ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารพยายามทำลายดิสเครดิตพรรคประชาชนกันอย่างถ้วนหน้า

‘ทนาย’..ไม่ต้อง!

เรื่องใกล้ตัว! บางคนท่านอาจเคยมีประสบการณ์ทั้งกับตัวเอง ทั้งกับการที่ตาได้แลเห็น ผมหมายถึงกรณีมีการแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ทะเลาะกันหน้าร้านสะดวกซื้อ

เหตุเกิดที่‘ไทยพีบีเอส’

“ช็อกตาตั้ง” ครับ! เปล่า..ไม่ได้ช็อกที่ทัพเซปักตะกร้อ “ทีมเดี่ยวชายไทย” พลาดท่าแพ้ให้กับเวียดนาม 1-2 เซต ชวดเข้าชิงชนะเลิศเซปักตะกร้อ ทีมเดี่ยวชาย กีฬาซีเกมส์ 2025 นั่นหรอก!