มันมาอีกแล้ว!

ช่างกล้า...

ผ่านศึกซักฟอก ชนิดขอบตายังไม่หายคล้ำ

มาทันทีครับ

กาสิโน!

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (๒๗ มีนาคม) ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ไปแล้วครับ

ที่จริงมันคือร่างกฎหมายกาสิโน เพราะว่าด้วยกาสิโนล้วนๆ

ฉับไวจริงๆ

นายกฯ แพทองโพย ที่ผ่านการปลุกเสกโดยพรรคส้ม จนดูมั่นอกมั่นใจกว่าเก่า แถลงข่าวไม่มีเหนียมอาย กลับกัน ดูภูมิอกภูมิใจกับร่างกฎหมายกาสิโนมอมเมาประชาชน

จากนี้ไปการพนันจะสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ทุกฤดูกาล!

"..ครม.เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่าง ...การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการสร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาล

โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นกว่า หมื่นราย ซึ่ง ๘๐% เห็นด้วย

เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วก็จะส่งต่อไปยังสภาพิจารณาต่อไป

อยากจะอธิบายให้เข้าใจว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน

เพราะในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีกาสิโนไม่เกิน ๑๐% อีก ๙๐% เป็นฮอลล์คอนเสิร์ตขนาดใหญ่ความจุ หมื่นคน และอินดอร์ สเตเดียม

ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีสถานที่รองรับคอนเสิร์ตใหญ่ขนาดนั้นได้..."

"...นอกจากนี้ยังมีสวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร

คาดว่าจะสร้างรายได้ ๑๑๙,๐๐๐-๒๓๘,๐๐๐ ล้านบาท

และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น -๑๐% ต่อปี

รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ ๑๒,๐๐๐-๓๙,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี

และเก็บภาษีจากธุรกิจอื่น ,๐๐๐-๓๕,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี

ภาษีของกาสิโนขั้นต่ำ ,๒๖๔ ล้านบาทต่อปี

มีการจ้างงานและอาชีพใหม่ๆ ในประเทศเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะสามารถเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ในนั้นได้ด้วย เพื่อนำมาพัฒนาประเทศ

ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุมป้องกันการติดการพนันและกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้ถือเป็นโอกาสของประเทศ อย่าไปโฟกัสของฟลอร์เดียวของอันนั้น ดิชั้นก็จะเดินหน้าอธิบายต่อ..."

เป็นไงครับ วิธีหาเงินของรัฐบาลแพทองโพยโดยพ่อแม้ว

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง คือแม่งานในการเปิดรับฟังความคิดเห็น

ว่าไปก็เหลือเชื่อ ที่ร่างกฎหมายกาสิโนผ่านการรับฟังความเห็นถึง ๘๐%

มีคนไม่เอาแค่ ๒๐%

เอาเถอะครับ ๘๐% ก็ ๘๐%

เข้าไปดูได้ที่ www.law.go.th ครับ

น่าประหลาดใจว่า การรับฟังร่างกฎหมายอื่นๆ มีผู้สนใจทำแบบสอบถามหลักหน่วย หลักสิบ หลักร้อย ส่วนหลักพันน้อยมาก

แต่ร่างกฎหมายกาสิโนเหยียบแสน!

มาจากไหน?

ปั่นยอดหรือเปล่า?

เอาเป็นว่ามีผู้คนให้ความสนใจกันมาก

ไปดูการสรุปความเห็นในหมวด ๕ ว่าด้วยการควบคุมและมาตรการบังคับ

ประเด็นเรื่องหลักเกณฑ์การเข้าเล่นพนันของคนไทย ซึ่งกำหนดว่าต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า ๕๐ ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า ๖ เดือน มีข้อเสนอแนะหลายแนวทาง เช่น

ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเกณฑ์เงินฝากที่ ๕๐ ล้านบาท

ควรมีเหตุผลที่เหมาะสมว่าทำไมต้องเป็นตัวเลข ๕๐ ล้านบาท เพราะจะมีผลต่อการลงทุนโดยตรง

ถ้าฐานลูกค้ามีจำนวนน้อย การลงทุนในธุรกิจนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ควรลดเกณฑ์เงินฝากจาก ๕๐ ล้านบาท เป็น ๑๐ ล้านบาท และอนุญาตให้ใช้หลักทรัพย์อื่นแทนได้ (เช่น หุ้น ที่ดิน เป็นต้น) รวมถึงเพิ่มทางเลือกการตรวจสอบรายได้ (เช่น การยื่นแบบภาษีเงินได้ย้อนหลัง ๓ ปี เป็นต้น)

ลดเกณฑ์เงินฝากเป็น ๕ ล้านบาท แต่เพิ่มเงื่อนไขรายได้ต่อปี เช่น ไม่น้อยกว่า ๒ ล้านบาท

ข้อกำหนดเรื่องฝากเงินขั้นต่ำอาจเป็นการจำกัดสิทธิบุคคลเกินสมควร ควรพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การกำหนดวงเงินสูงสุดในการเล่นการพนันต่อวัน การให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการพนันที่มีความรับผิดชอบ

พับผ่าสิ! คน ๘๐% เสนอแนะเข้าทางรัฐบาลเต็มๆ

เรียกว่าแก้ร่างกฎหมายที่ผ่านกฤษฎีกายับ!

เหลือเชื่อครับที่คนส่วนใหญ่ข้องใจตัวเลข ๕๐ ล้านบาท

ถ้าเป็นตามนี้ แสดงว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่อยากมีกาสิโน แต่อยากเล่นกาสิโนด้วย

หลายประเทศเปิดกาสิโนแล้ว ต้องหาวิธีรับมือกับปัญหาที่ตามมาอย่างต่อเนื่อง ขนาดมาเก๊ายังต้องแก้กติกาแทบทุกปี เพราะมีช่องโหว่ให้ก่ออาชญากรรมตลอดเวลา

ดูจากภาวะเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว อย่าเอาไทยไปเทียบกับมาเก๊า ญี่ปุ่น ลาสเวกัส ออสเตรเลีย ครับ

ต้องเทียบกับบราซิล สมน้ำสมเนื้อ เพราะดูจากเงื่อนไขหลายๆ อย่างแล้วอยู่ในระนาบเดียวกัน

หลังบราซิลเปิดกาสิโนถูกกฎหมายแล้วเกิดอะไรขึ้นที่นั่น

การใช้จ่ายในการพนันทำให้เศรษฐกิจภาคส่วนอื่นๆ เริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีรายได้ต่ำ เพราะคนจนพึ่งพารายได้จากการพนัน

คล้ายๆ กับการที่คนจนหวังรายได้จากการซื้อหวย ซื้อลอตเตอรี่ บางคนทุ่มทุนจบแทบไม่มีกิน เพื่อความหวังลมๆ แล้งๆ เดือนละ ๒ ครั้ง

ขณะนี้รัฐบาลบราซิลกำลังปวดหัวอยู่กับการออกกฎหมายเพื่อควบคุมการพนันออนไลน์และกาสิโน ไปพร้อมๆ กับฝันเฟื่องเหมือนรัฐบาลไทย

จะโกยเงินจากการพนัน

หาทางให้บริษัทพนันต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน และการสนับสนุนการก่อการร้าย

ขณะที่ประชาชนรายได้น้อย มีหนี้จากการพนันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ข่าวปีที่แล้ว ธนาคารกลางบราซิลประมาณการว่า ๒๔ ล้านคนจากประชากร ๒๑๒ ล้านคนของบราซิล หรือประมาณ ๑ ใน ๙ คน เล่นการพนันทั้งในรูปแบบกีฬาหรือเกมต่างๆ

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ๕ ล้านคนที่ได้เงินสงเคราะห์จากรัฐบาล มีอยู่ ๑ ใน ๔ นำเงินที่ได้ไปเล่นพนัน โดยแค่เดือนสิงหาคมเดือนเดียว คิดเป็นเงินที่เข้าตลาดพนันถึง ๕๔๐ ล้านดอลลาร์

ครับ...คณะกรรมการกฤษฎีกาบอกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนคนไทยติดกาสิโนจนงอมแงม ฉะนั้นต้องกำหนดเกณฑ์เงินฝากที่ ๕๐ ล้านบาท จึงจะเข้ากาสิโนได้

แต่รัฐบาลบอกว่ามันแคบไป! มีแค่ ๑ หมื่นคนเท่านั้นที่เข้าเกณฑ์

ต้องลดลงมา ๕ พันบาทพอ!

ถ้าไม่ลดจะเป็นการผลักคนอีกกว่า ๖๐ ล้านคน ให้กลับไปอยู่ในการพนันที่ผิดกฎหมาย

รัฐมนตรีช่วยคลัง "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" ว่างั้น

อีกไม่นานร่างกฎหมายพนันออนไลน์จะตามมาติดๆ

นี่คือปฐมบทนำไปสู่ความฉิบหายของสังคมไทย

มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี กันถ้วนหน้าครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทหารไทยระดับโลก

ได้เบอร์พรรคกันไปเรียบร้อยแล้วครับ วานนี้ (๒๘ ธันวาคม) กกต.รับสมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จับได้เลขอะไร แต่ละพรรคทั้งประเทศเบอร์เดียวกันหมด

ผลงานรัฐบาล-กองทัพ

น่าจะจบอีกยกครับ... นับว่าเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ วานนี้ (๒๖ ธันวาคม) มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เป็นวันที่ ๓ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

ไม่เอาคนเนรคุณ

แยกข้างแบ่งขั้วกันตั้งแต่หัววัน... วานนี้ (๒๕ ธันวาคม) นายกฯ อนุทิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่มีนโยบายแก้ ม.๑๑๒ “...ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วมก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ยกเว้นพรรคประชาชน...”

ใครแข็งในจุดขาย

ยังไม่ทันเลือกตั้ง ก็เห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่รำไรแล้วครับ ปัจจัยหลักคือการประกาศจุดยืนทางการเมืองของแต่ละพรรค เงื่อนไข ไม่ใช่เรื่อง เทาหรือไม่เทา

'ศุภจี' ไปต่อ

จบแล้วครับ ไม่ต้องรอ... คนละครึ่งพลัสเฟส ๒ ไม่ได้ไปต่อ ถ้าจะมีคงต้องรอรัฐบาลหน้า ไม่ใช่รัฐบาลเพื่อไทย

สมการเลี้ยงหลาน

โค้งแรกเลือกตั้งก็มันหยดแล้วครับ... เปิดหน้าเปิดตากันไปเกือบครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าที่ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ และผู้สมัคร สส.ระบบเขต