
ในที่สุดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี พ่วงด้วยบุคคลในครอบครัวก็ได้ฤกษ์กดปุ่มอย่างเป็นทางการเสียที เมื่อวิป 3 ฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกันเคาะสูตรซักฟอกออกมาเป็น 28+7 ชั่วโมง โดย ระฆังเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ 24 มีนาคม ในเวลา 08.00 น. และไปจบในวันอังคารที่ 25 มี.ค. และลงมติ 26 มี.ค. โดยมีการติดปลายนวมไว้ว่า หากวันที่ 25 มี.ค. เวลาอภิปรายและผู้อภิปรายของฝ่ายค้านยังไม่ครบ ต่อให้เลยเวลา 00.00 น. ฝ่ายค้านก็จะใช้โควตาของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้การลงมติเลื่อนไปในวันพุธที่ 27 มี.ค.แทน ...๐
งานนี้ก็ต้องติดตาม “ดีลแลกประเทศ” ซึ่งเป็นธีมตีปี๊บของพรรคประชาชนที่เปิดมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ว่าจะสมราคาคุยขนาดไหน ยิ่งล่าสุด “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรค ปชน. และผู้นำฝ่ายค้านออกมาการันตีความเดือด โดยชี้ชวนว่าการตัดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกแล้วใช้บุคคลในครอบครัวแทนเท่ากับเปิดกว้าง ซึ่งอาจจะเหมือนที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อได้เกริ่นไว้ว่า อาจมี “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โผล่มาแจมนอกจากพ่อนายกฯ ก็ได้ ...๐
เอ่ยถึง ตัวตึงวิโรจน์แล้ว ไม่เอ่ยถึงกรณีซัด “นายกฯ” ว่าไม่รู้สี่รู้แปดในการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำไม่ได้ เพราะการพูดของ “วิโรจน์” ครั้งนี้ก็เล่นเอาบรรดาลูกหาบนายใหญ่อยู่กันไม่สุข เลยทีเดียว ดาหน้าออกมาตอบโต้ไล่เรียงไปตั้งแต่ระดับ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกรัฐบาลที่ออกมาตั้งแต่ไก่โห่ แต่ล่าสุดก็มีทั้ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จนมาถึง “สมคิด เชื้อคง” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ซึ่งรายหลังถึงกับบอกให้ปรับตัวใหม่ เพราะอนาคตอีกไกลอย่ามัวแต่จ้องหาอีเวนต์สร้างราคาให้กับตัวเอง แหม! งานนี้ “วิโรจน์” เขาทุบหม้อข้าวหม้อแกงแล้ว เพราะคงเดาได้ดีว่าคดีที่คาอยู่ใน ป.ป.ช.ว่าด้วยการแก้ไขมาตรา 112 นั้นจะออกหัวหรือก้อย จึงไม่มีอะไรจะเสียนั่นแล ...๐
พาดพิงถึง “ปลาหมอคางดำ” จะไม่เอ่ยถึงดรามาก็ไม่ได้ เพราะในขณะที่ม็อบข้างทำเนียบฯ เรียกร้องเรื่องดังกล่าว “อุ๊งอิ๊ง” ได้พาลูกๆ มาเดินเล่นที่หน้าสนามหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอย่างอารมณ์ดีเสมือนไม่สนใจปัญหาดังกล่าว แต่ประการใด ซึ่งล่าสุด “นายกฯ อิ๊งค์” ก็ให้คำตอบที่อึ้งกันอีกแล้ว โดยบอกว่า “คนเราไม่ได้มีมิติเดียว ...ต้องมีความเข้าใจในชีวิตของมนุษย์ที่ทำงาน ไม่ได้แปลว่าเราทำอย่างหนึ่งแล้วไม่ได้ทำอย่างหนึ่ง” ต้องบอกว่าไม่มีใครเถียงว่าคนเราไม่ได้มีมิติเดียว แต่ คนเราต้องรู้จักบทบาทและหน้าที่ รวมทั้งกาลเทศะของเวลาและสถานที่ด้วย หรือว่า “นายกฯ อิ๊งค์” คิดว่าทำเนียบฯ กลายเป็นบ้านจันทร์ส่องหล้าที่ให้ลูกหลานออกมาวิ่งได้ ด้วย “ตรรกะ” แบบนี้จึงไม่แปลกใจเลยที่จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความคำว่า “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” เพราะแค่การเคารพสถานที่ทำงานยังทำไม่ได้เลย ...๐
แล้วที่ขำไม่ออกหนักเข้าไปอีก คือ การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งนายกฯ อิ๊งค์ก็ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่าขอให้รัฐมนตรีโปรโมตด้วยการใส่กางเกงสัญลักษณ์ประจำจังหวัดช่วงสงกรานต์ ถือเป็นการโปรโมตซอฟต์พาวเวอร์เรื่องกางเกงของทุกจังหวัด พระเจ้าจอร์จ คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ยุค “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งใช้งบประมาณรวม 5,201,295,179 บาทนั้นคิดได้แค่นี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่คุ้มแม้แต่งบประมาณหลักร้อยบาทที่ห้อยท้ายวงเงินทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ ...๐
พูดถึงเงินๆ ทองๆ ไม่เอ่ยถึงนโยบายขายฝันของ “สทร.” ก็ไม่ได้ เพราะล่าสุด “ลูกขุนพลอยพยัก” ตัวพ่ออย่าง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.การคลังก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ “ขุนคลัง” คิดมานานแล้ว แต่ไม่รู้รายละเอียด ที่แน่ๆ เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้แน่ งานนี้เลยโดยเจ๊ไหม “ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อและขุนคลังเงาแห่งฝ่ายค้านสั่งสอนไปหนึ่งดอกว่ายังไม่เข็ดอีกเหรอ ระวังซ้ำรอย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่ไม่ตรงปกอีกรอบ และอาจหนักกว่าด้วยซ้ำ เพราะ จนป่านนี้ “พิชัย” ขุนคลังยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่เลย อ้าวแสดงว่า “รมช.การคลัง” ก็ขี้จุ๊ว่าคิดมานานแล้วสิ ...๐
ทิ้งท้ายด้วยข่าวที่น่าติดตามอย่างยิ่ง เมื่อศาลปกครองกลางสั่ง “กรมธนารักษ์” ห้ามนำที่ดินพุทธมณฑลเนื้อที่ 2,500 ไร่ ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ เพราะเป็นที่ดินศาสนสมบัติที่มีกฎหมายคุ้มครองโดยเฉพาะ ซึ่งงานนี้เกิดขึ้นจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ไปยื่นฟ้องไว้ ที่บอกว่าน่าสนใจเพราะแทบไม่เคยเกิดขึ้นที่หน่วยงานของรัฐฟ้องกันเอง และที่น่าติดตามไปกว่านั้นคือ “กรมธนารักษ์” จะสู้ต่อไปยังศาลปกครองสูงสุดหรือไม่อย่างไร เพราะหากหยุดอยู่ตรงนี้ก็น่าติดตามว่าจะมีใครไปร้อง หรือเช็กบิลกรมธนารักษ์ก็ได้ใครจะรู้ ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
องครักษ์พิทักษ์นายพรึ่บ! เพื่อแม้วเปิดตัว 20 ตัวตึง รับหน้าที่ประท้วง เห็นชื่อชั้นไม่ธรรมดา อย่าง “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สุทิน คลังแสง อดิศร เพียงเกษ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รวมถึงอดีตแกนนำเสื้อแดงตัวจี๊ด ก่อแก้ว พิกุลทอง
บันทึกหน้า 4
ติดตามสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ เหมือนจะเป็นละคร “ตบจูบ” เรียกเรตติ้งคนดูได้ แต่ชีวิตจริงของคนในสังคมยิ่งกว่า “ละครน้ำเน่า” เพราะปัญหาความเป็นอยู่ ปากท้อง เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย แต่ทำให้ “จุกอก” กันทุกหย่อมหญ้า ...วันประชุม ครม. อังคารก่อน
บันทึกหน้า 4
“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ศึกในก็เหนื่อย ศึกนอกก็รุมล้อม หลังสภายุโรปมีมติประณามประเทศไทยจากกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน รวมถึงสหรัฐอเมริกาจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
บันทึกหน้า 4
เปิดบันทึกเริ่มต้นสัปดาห์นี้ ปัญหาการเมืองภายใน ดูเหมือนกลายเป็นเรื่องสิวๆ ไปเลย เมื่อเทียบกับประชาคมโลกตะวันตกจับมือกันถล่ม "ประเทศไทย" ในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ว่าด้วยกรณีอุยกูร์!!
บันทึกหน้า 4
ต้องเรียกว่า “สมน้ำหน้า” รัฐบาลนายกฯ เจนวายเสียจริงๆ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 มีคำสั่งไม่รับคำร้องของรัฐบาลที่ให้ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทำหนังสือให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ในคำว่า “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
บันทึกหน้า 4
ที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคารยังไม่พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือบ่อนกาสิโน ขณะเดียวกัน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)