"วิกฤตยูเครน" กำลังเป็นข่าวร้อนไปทั่วโลก เพราะสหรัฐฯ ชี้นิ้วไปที่รัสเซียว่าได้ระดมทหารกว่า 100,000 คน และกำลังเตรียมจะเข้ายึดยูเครนเพื่อนบ้านด้านตะวันตก
รัสเซียโต้ว่าไม่จริง เป็นแผนใส่ร้ายป้ายสีของวอชิงตันทั้งสิ้น
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย บอกว่า อเมริกาและ NATO ต่างหากที่พยายามจะปิดล้อมรัสเซียด้วยการ “สร้างข่าว” เรื่องรัสเซียเตรียมบุกยูเครน
ข่าวที่เราได้รับส่วนใหญ่จะมาจากสื่อทางตะวันตกที่สะท้อนถึงข้อมูลและทิศทางที่สหรัฐฯ กล่าวหารัสเซีย
ผมจึงขอไปนั่งพูดคุยกับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย “เยฟเกนี ทอมมิคิน” (Evgeny Tomikhin) เพื่อจะได้ตั้งคำถามตรงๆ เพื่อจะได้คำตอบจากมุมมองและจุดยืนของรัสเซีย
เปิดฉากผมก็ถามตรงๆ ว่ารัสเซียจะบุกเข้ายูเครนจริงหรือ?
ท่านทูตรัสเซียตอบว่า
“ผู้นำรัสเซียรวมถึงท่านประธานาธิบดีและรัฐมนตรีต่างประเทศได้ยืนยันมาตลอดว่าเราไม่มีแผนใดๆ ที่จะบุกยูเครน
...มันเป็นการรณรงค์ปั้นข่าวเท็จ เป็นเหมือนโรคฮิสทีเรีย หรือเป็นเพียงจินตนาการของคนป่วยด้วยโรคประสาทของนักการเมืองฝั่งตะวันตกเท่านั้น...”
ท่านทูตรัสเซียบอกว่า แม้แต่ผู้นำและรัฐมนตรีกลาโหมของยูเครนเองก็ยังบอกกับประชาชนของตนว่าพวกเขาไม่เห็นการตระเตรียมทางทหารของฝั่งรัสเซียที่จะ “บุกรุก” ยูเครนแต่อย่างไร
แต่ผู้นำตะวันตกต่างหากที่พยายามบังคับให้ยูเครนเชื่อว่ารัสเซียกำลังจะโจมตีประเทศของตน
ผมถามว่าทำไมประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา จึงย้ำแล้วย้ำอีกว่ารัสเซียกำลังเตรียมจะบุกยูเครน ถึงขั้นที่บอกว่าเดือนหน้าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
สหรัฐฯ สั่งเตรียมกองกำลังทหาร 8,500 นาย เพื่อตั้งรับรัสเซียในกรณีนี้ด้วยซ้ำไป
ท่านทูตบอกว่าต้องมองประเด็นนี้ในภาพที่ใหญ่กว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนเท่านั้น
สหรัฐฯ เองกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาของตนเองอย่างหนัก เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ อาชญกรรมและการเหยียดผิว
“สื่อไทยก็ยังรายงานว่าคนไทยเองที่อยู่อเมริกาก็ถูกคุกคามส่วนตัว...” ทูตรัสเซียบอก
และมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตโดยเฉพาะเพื่อเตรียมการเลือกตั้งอีกรอบ
ท่านทูตอ้างหนังดังของฮอลลีวู้ดเรื่อง Wag the Dog ที่สะท้อนว่าประธานาธิบดีมะกันที่มีคะแนนนิยมในประเทศตกต่ำมากๆ ก็จะหาเรื่องสร้างสถานการณ์ในต่างประเทศเพื่อกลบเกลื่อนปัญหาทางการเมืองของตัวเอง
ในหนังเรื่องนั้นผู้นำสหรัฐฯ จงใจเปิดศึกสงครามกับประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งเพื่อดึงความสนใจของประชาชนตนเองไปสู่เรื่องข้างนอก
ท่านทูตย้อนกลับไปว่า ในปี 2014 มีรัฐประหารในยูเครน โค่นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เปิดทางให้กลุ่มการเมืองชาตินิยมขึ้นมามีอำนาจ
“จากนั้นเป็นต้นมาเราก็เห็นนักการเมืองที่ฝักใฝ่ความคิดแบบนาซีในยูเครน ไม่น่าเชื่อว่ายูเครนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสลาวิกแบบเดียวกับเรา มีประวัติศาสตร์ร่วมกันอันยาวนาน เราร่วมกันต่อสู้กับลัทธิฟาสซิสต์ในสงครามโลกครั้งที่ 2...แต่วันนี้เราเห็นกลุ่มที่มีความเชื่อแบบนาซีเดินขบวนในกรุงเคียฟ และเมืองอื่นๆ...”
นักการเมืองกลุ่มนี้สั่งห้ามการใช้ภาษารัสเซีย รวมไปถึงหนัง และหนังสือภาษารัสเซีย
และยังมี “บัญชีดำ” ที่แบนนักการเมือง, สื่อ, นักกีฬาและนักร้อง, นักเขียนที่ใช้ภาษารัสเซีย
ทูตรัสเซียบอกว่าด้วยเหตุนี้เอง ผู้คนที่อยู่ในไครเมียซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อชาติรัสเซียเห็นสภาพเช่นนั้นแล้วก็ขอประกาศแยกตัวออกจากยูเครน ขอกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเขต Donbas ทางตะวันออกของยูเครนที่มีชายแดนติดกับรัสเซียก็ประกาศขอแยกตัวจากยูเครน
แต่รัฐบาลกลางยูเครนสั่งปราบปรามอย่างหนักก็กลายเป็นสงครามกลางเมืองด้วยการส่งทหาร, ปืนใหญ่, รถถังถึงขั้นถล่มทางอากาศใส่พลเรือน “แยกดินแดน” ในย่านนี้อย่างดุเดือด
ถึงวันนี้ท่านทูตบอกว่าประชาชนในเขตนี้ยังตกอยู่ภายใต้การจับจ้องของรัฐบาลกลาง
ทูตทอมมิคินบอกว่า ข้อตกลง Minsk (เมืองหลวงของเบราลุส) ในปี 2014 ซึ่งลงนามโดย 3 ฝ่ายคือ รัสเซีย, ยูเครนและ OSCE (Organization for Security and Cooperation in Europe) หรือองค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป
โดยมีฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็น “ผู้ไกล่เกลี่ย” และ “ตัวแทนไม่เป็นทางการ” จากเขต Donbas
เป้าหมายคือความพยายามที่จะยุติสงครามเขต Donbas ระหว่างรัฐบาลกลางยูเครนกับกลุ่มแยกดินแดน
ท่านทูตบอกว่าข้อตกลงนี้แม้จะยังดำรงอยู่ถึงวันนี้ แต่รัฐบาลกลางยูเครนบอกว่าจะไม่ทำตามเนื้อหาของเอกสารนี้ โดยอ้างว่า Minsk Protocol นี้เป็นการละเมิดอธิปไตยของยูเครน
“แต่เอกสารนี้มีลายเซ็นของอดีตผู้นำยูเครนปรากฏอยู่อย่างชัดเจน...”
ภายใต้ข้อตกลงนี้มีคณะกรรมการหลายทีมที่ทำหน้าที่พยายามหาข้อยุติ
ล่าสุดมีการประชุมของตัวแทนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ปารีส แต่ไม่รู้ว่าผลของการต่อรองออกมาเป็นอย่างไร
(พรุ่งนี้ : รัสเซียมีข้อเสนอยุติวิกฤตยูเครนอย่างไร?).
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ