เห็นว่า...ต้องรอถึงช่วงราวๆ 4 ทุ่มวันอาทิตย์ (30 ม.ค.) โน่นเลย ถึงพอจะได้รับรู้ รับทราบ แบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาดถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 กรุงเทพมหานคร ตามที่ ผอ.กกต.กทม. ท่านได้ ซ.ต.พ. ไว้เป็นข่าวคราวไปก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้...การลุกขึ้นมาปั่นต้นฉบับชิ้นนี้ตั้งแต่ตีสี่-ตีห้าของเช้าวันอาทิตย์ หรือตั้งแต่ปวงชนชาวไทยทั้งหลายท่านยังไม่ได้เริ่มรูดซิป ยังไม่รู้ว่าจะ เขย่าประชาธิปไตยในมือของท่าน ไปในแนวไหน แบบไหน ก็เลยไม่อาจสรุปได้ว่า...ใครจะนอนมา-ไม่นอนมา ใครจะมีพระสวดนำหน้าหรือไม่? และอย่างไร?...
--------------------------------------------------------
แต่เท่าที่ฟังๆ จาก ข่าวล่า-มาเรือ...ดูเหมือนน่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรค เผาไทย เขานั่นแหละ ที่ออกจะมาแรง แซงโค้ง กว่าใครเพื่อน ส่วนจะถูกพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพรรค พปชร.
เบียดหลัง เบียดไหล่ แถวๆ โค้งวัดเบญจะ หรือจะถูกพรรคกล้า พรรคก้าวไกล พรรคไทยภักดี ที่ตามหายใจรดต้นคอกันมาติดๆ เบียดๆ แซงๆ กันในตอนไหน เมื่อไหร่ หรือไม่และอย่างไร ขณะที่อ่านต้นฉบับชิ้นนี้ก็คงพอรับรู้ รับทราบ กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่าใครแพ้-ใครชนะ ใครเป็นพระเป็นมาร หรือเป็น ว่าที่ ส.ส. โดยที่ยังไม่อาจคาดคะเนได้เลยว่า จะมีโอกาสทำหน้าที่ในรัฐสภาได้อีกซักกี่วัน กี่คืน กี่เดือนหรือกี่ปี กันแน่ เพราะ สัปปายะสภาสถาน ช่วงนี้ ออกจะหนักไปทางสัปปะรังเค หรือไม่ค่อยจะสัปปะรดซะเหลือเกิน...
------------------------------------------------------
อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าใครชนะ-ใครแพ้ ใครนอนมา-ไม่นอนมา แต่การคิดจะหยิบเอาผลพวงดังกล่าวไปเป็น ภาพสะท้อน บริบทการเมืองทั้งบริบทกันเลยนั้น น่าจะไม่ถึงกับถูกเรื่อง หรือไม่น่าจะเข้าท่ากันซักเท่าไหร่นัก เพราะมันแค่การเลือกตั้งเขตเดียวและคนเดียวเท่านั้นเอง คือถึงแม้พรรคฝ่ายค้าน อย่าง เผาไทย เขาจะนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แต่นั่นก็ใช่ว่า...จะสามารถถือเป็นข้อพิสูจน์ เป็นพยานหลักฐาน ได้อย่างถนัดชัดเจน ว่าพรรครัฐบาล หรือผู้นำคณะรัฐบาลอย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา แย่แล้ว...ไปไม่ไหวแล้ว!!! อะไรทำนองนั้น...
---------------------------------------------------
เพราะเท่าที่กำลังออกอาการแย่ๆ หรือทำท่าว่าอาจไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่แน่ อันนี้...แทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฝ่ายค้าน หรือแม้กระทั่งฝ่ายแค้น เอาเลยแม้แต่น้อย แต่ออกจะหนักไปทาง ฝ่ายเดียวกันเอง นั่นแหละเป็นสำคัญ ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นพรรคเผาไทย พรรคกล้า พรรคก้าวไกล พรรคไทยภักดี จะเบียด จะแซง จะเข้าเส้นชัยกันในตอนไหน เมื่อไหร่ หรือไม่และอย่างไร มันคงไม่อาจใช้เป็นภาพสะท้อนบริบททางการเมือง หรือแนวโน้มการเมืองในช่วงนี้ได้มากมายซักเท่าไหร่ ส่วนพอจะใช้เป็นตัวสะท้อนอะไรต่อมิอะไรได้บ้าง ในแบบไหนต่อแบบไหน อันนั้น...คงต้องไปวิเคราะห์ เจาะลึก กันเอาเองก็แล้วกัน...
----------------------------------------------------
คือถึงแม้ว่าจะเพิ่งสร้างงาน คว้าผลงานชิ้นโบแดง จากการเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรซาอุฯ ไปเจ๊าะแจ๊ะเจรจากับมกุฎราชกุมาร เจ้าชาย MbS จนอาจทำให้สาวแก่ แม่หม้าย สาวน้อย สาวใหญ่ทั้งหลาย มีโอกาสย้อนกลับไปคร่ำครวญโหยหวน ถึงบทเพลง น้ำตาเมียซาอุฯ กันอีกรอบแล้ว รอบเล่า แต่นั่นก็ดูจะไม่ได้ช่วยให้เกิด หลักประกัน แห่งเสถียรภาพและสันติภาพ กับความเป็นไปของรัฐบาลชุดนี้และ ณ ขณะนี้เอาเลยแม้แต่น้อย ชนิดว่ากันว่า...ไม่ว่าจะเป็น กฎหมาย การเงิน-การทอง หรือการอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ที่อาจต้องมี อัตราเสี่ยง อยู่มั่ง ถึงกับถูกชักออก ถอนออก ไปจากการส่งเข้าไปพิจารณาภายในรัฐสภาเป็นฉบับๆ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
------------------------------------------------------
จริง-ไม่จริง...ก็คงต้องไปสืบค้น ไปสำรวจ ตรวจสอบ กันอีกที แต่ก็ด้วยเหตุเพราะ 21 ส.ส. หรือ 18 ส.ส. ที่เคยถูกถือเป็น ฝ่ายเดียวกันเอง ดันถูกขับออก ไหลออก ไปอยู่ในพรรคการเมืองใหม่ อย่างพรรค เศรษฐกิจไทย ด้วยความสมัครใจหรือไม่ เพียงใด ก็แล้วแต่ แต่อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ บริบททางการเมือง ชักจะไม่เหมือนเดิม หรือผิดแผก แตกต่าง ไปจากเดิม ยิ่งกว่าใครแพ้-ใครชนะ ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 4 กทม. ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า คือกลายเป็นแนวโน้ม หรือเป็นบริบทที่อาจก่อให้เกิดอาการ ตกม้าตาย หรือ เสือขบหัวตาย ไปจนถึง ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกดันเสือกตาย สำหรับความเป็นรัฐบาลภายในอนาคตอันใกล้ หรืออีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ ชนิดต้องคอยตามรัก-ตามลุ้น กันในระดับขนหัวลุก ขนคอตั้งไปโดยตลอด...
---------------------------------------------------
เรียกว่า...ถือเป็นบรรยากาศที่แม้ขอ...อย่ายอมแพ้แอ๊ๆๆ กันเพียงไรก็ตาม แต่การ เดินหน้าประเทศไทย นับจากนี้ต่อไปมันคงหนีไม่พ้นต้องเจอกับแนวโน้ม เจอบริบททางการเมือง ประเภทสามารถส่งผลให้ต้อง ถอยดีกว่า...ม่ายอาวว์ว์ว์ดีกว่า ได้เสมอๆ ด้วยเหตุเพราะลักษณะอาการที่หนักไปทาง...เธอคบโน้น-คบนี้ แล้วยังมีฉันห้อยท้าย ไม่รู้จะเอายังไง...มันทนไม่ไหว-ไม่ไหว อะไรประมาณนี้นั่นแหละทั่น ยิ่งเมื่อต้องเจอกับปัญหาหนักๆ ระดับ สึนามิทางเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังรอคอยอยู่ข้างหน้า แต่ภายในความเป็น ฝ่ายเดียวกันเอง หรือฝ่ายรัฐบาล ยังเต็มไปด้วยบรรดาผู้ที่ออกไปทาง...เธอเล่นเปลี่ยนใจ 3 ครั้งหลังอาหาร...แล้วใครจะไปทานทนได้ โอกาสที่จะต้อง อ้อม-สุนิสา สุขบุญสังข์ กันในเพลงที่แนะนำ ไม่ใช่เพลงที่ไปเปิดให้ ครม.ฟัง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...
------------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องถือเป็นบริบทการเมืองไทย เป็นแนวโน้มทางการเมืองนับจากนี้ต่อไป ที่ไม่ว่าใครชนะ-ใครแพ้ ใครอยู่-ใครไป แต่ถ้าหากยังไม่สามารถขบโจทย์ แก้โจทย์ เหล่านี้ได้แตก ยังพะรุงพะรัง หอบซ้าย กระเตงขวา กันต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะต้องหวนกลับไป เลือกตั้งกันใหม่ ระดับทั่วทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่เลือกตั้งซ่อม ณ ที่หนึ่ง ที่ใด จึงอาจอุบัติขึ้นมาในตอนไหน เมื่อไหร่ ก็ยากที่จะคาดคะเนได้...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก E.B. White...“There’s no limit to how complicated things can get, on account of one thing always leading to another.- เรื่องต่างๆ สามารถซับซ้อนขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุเพราะสิ่งหนึ่งๆ ย่อมนำไปสู่อีกสิ่งหนึ่งเสมอๆ...”
---------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น