ปิดฉาก"รัฐธรรมนูญสสร."

โลกกำลังจะแตก ชาวบ้านกำลังจะอดตาย

แต่เรื่องที่นักการเมืองไทย "ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน" ถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ชนิดต้อง "เปิดรัฐสภา" ถกกันคร่ำเครียด

กลับเป็นเรื่อง "แก้รัฐธรรมนูญ" มาตรา ๒๕๖

เพื่อฉีก "ฉบับปราบโกง" ในปัจจุบันนี้ทิ้ง

แล้วเพิ่มเติมหมวด ๑๕/๑ ให้เลือกตั้ง ส.ส.ร. ๒๐๐ คน มาเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นฉบับเอื้อโกง-เอื้อเปลี่ยนราชอาณาจักรไทยไปสู่ระบบสาธารณรัฐ

สเปกคนที่จะมาเป็น ส.ส.ร.เขียนรัฐธรรมนูญ "พรรคประชาชน" ให้คนอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป สมัครมาเขียนได้

ถึงขั้นร่างกติกาเปิดทาง "พวกกูต้องมา-พวกกูต้องได้" โดยให้ยกทีม ทีมละ ๑๐๐ คน ลงสมัคร ถึงขนาดนั้น

ถ้าสำเร็จตามแผน มันจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของโลก ที่ประทับตรา "จุกนมไขว้" เป็นสัญลักษณ์ว่า

“เขียนโดยทารกที่เพิ่งหย่านมแม่”!

แค่คิด ก็อยากเห็นประเทศไทยไปอยู่ในจุดนั้นขึ้นมาติดหมัด!

แต่ทีนี้ เท่าที่ฟังดูจากที่เขาทุ่มเถียงเกี่ยงงอนกันในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวาน (๑๗ มี.ค.๖๘)

ในหลักการร่วม "เพื่อไทย-ประชาชน" เห็นพ้อง ต้องแก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงทิ้ง

แล้วตั้ง ส.ส.ร.เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็น "ฉบับแดงส้ม" ขึ้นใช้แทน

แต่ประเด็นที่เป็นปัญหา ทำเอาแดงส้มแตกคอกัน ก็อยู่ตรงว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยในเรื่อง "ถ้าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" ไว้แล้ว ในคำวินิจฉัยที่ ๔/๒๕๖๔

"ให้ประชาชนผู้มีอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่า

 ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?"

ทีนี้ร่าง "พ.ร.บ.ประชามติ" ที่แก้ชนิด "หวังผลสำเร็จ" ด้วยการให้ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวในการลงประชามติ

พอไปถึงวุฒิสภา ถูก สว.สีน้ำเงินว้ากเพ้ย แก้ให้เป็น "เสียงข้างมากสองชั้น" ในด่านสุดท้าย

ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เลยแขวนเติ่งรอไว้ ๑๘๐ วัน ก่อนที่ สส.จะเอากลับมาใช้ในระบบ "เสียงข้างมากชั้นเดียว" ได้ตามปรารถนา

ก็ตกเอาเดือนมิถุนาโน่น....

แต่ก็อยู่ในช่วง "ปิดสมัยประชุม" ยังเอาเข้าปลุกเสกใหม่ในสภาผู้แทนไม่ได้อยู่ดี

กว่าจะเปิดสมัยประชุมก็เดือนกรกฎา นั่นหมายถึงว่า ผิดล็อกตามเทอมเวลา ที่พรรคประชาชนหมายมั่นปั้นมือ

ที่ ต้องได้รัฐธรรมนูญฉบับ "พวกกูเขียนเองกะมือ" ทันใช้เลือกตั้งปี ๗๐

เมื่อเทอมเวลาคลาดเคลื่อน ก็หมายความว่า "ว่าว" อีกตามเคย!

อันที่จริง ไม่ต้องรอ พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับที่แขวนอยู่ก็ทำประชามติได้ เพราะ พ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันก็มี

แต่ "ดับเบิ้ลล็อก" ต้องมีคนออกมาใช้เสียง "เกินกึ่งหนึ่ง" ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง

และจำนวนเสียงนั้น ก็ต้อง "เกินกึ่งหนึ่ง" ของผู้มาออกเสียงด้วย ประชามตินั้นจึงจะมีผล

ตรงนี้แหละ พรรคประชาชน "ไม่กล้าเสี่ยง" เพราะรู้ ขืนใช้ดับเบิ้ลล็อก ไม่ผ่านประชามติแน่

เลยทำเป็นไก๋ "ไม่เข้าใจ" คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๔/๒๕๖๔ ที่ให้ทำประชามติก่อนนั้น

ตกลงต้องทำกี่ครั้ง ๒ ครั้งหรือ ๓ ครั้ง...ทำเป็นงงกันใหญ่?!

ฝ่ายพรรคประชาชน...เราผู้แทน เราคืออำนาจ ไม่จำเป็นต้องฟังศาลรัฐธรรมนูญ ลุยแก้รัฐธรรมนูญไปเลย

แก้เสร็จสมอารมณ์หมายแล้วค่อยเอาที่แก้นั้นไปทำประชามติก็เหมือนกัน

ฝ่ายเพื่อไทยที่เป็นรัฐบาล บอกทำอย่างนั้นไม่ได้ ใจเย็นๆ ควรต้องทำหนังสือไปถามศาลรัฐธรรมนูญให้แน่ใจ ในประเด็น "อำนาจหน้าที่ของรัฐสภา" ในการแก้รัฐธรรมนูญลักษณะนี้ก่อนดีกว่า

ทั้งเรื่องประชามติ ต้องทำกี่ครั้งแน่ ก็ควรถามให้ชัวร์

พรรคประชาชนก็ว่า เพื่อไทยแกล้งเตะถ่วง ไม่เอาจริงนี่หว่า!

อ้าว...ศูนย์นิสิตแตกแยกกันแล้วล่ะ ทีนี้....
โชว์โวหารเถียงกันอยู่แค่นี้ จากเช้าจรดเย็น ประธานวันนอร์ก็ให้สมาชิกรัฐสภา คือทั้ง สส.และ สว.โหวต

ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ที่จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประเด็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ (๑) (๒)

ในที่ประชุมรัฐสภามี ๕๖๐ คน

เห็นด้วย ๓๐๓ ไม่เห็นด้วย ๑๕๑ งดออกเสียง ๑๒๐ ไม่ลงคะแนน ๑ (ลืมพกสมองมาด้วยมั้ง)

เป็นอันว่าเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมรัฐสภา ให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ 

ครับ....ก็ขำดี!

เพราะประเด็นนี้ ศาลรัฐธรรมนูญตีไปแล้ว ตามคำวินิจฉัยที่ ๔/๒๕๖๔ แต่สภาก็ยังจะให้ตีซ้ำ-ตีซาก ศาลท่านก็ตีตกทุกที

แล้วครั้งนี้ ในประเด็นเดียวกันนี้ รัฐสภา "ทำเซ่อตาใส" ส่งไปให้ศาลตีอีกเป็นครั้งที่ ๓

ไม่ต้องเดา ทุกคนก็รู้ ว่าครั้งนี้ ศาลท่านก็ตีตกอีก!

ถามว่า รัฐบาล "พรรคเพื่อไทย" พรรคร่วม กระทั่ง สว.เขาไม่รู้หรือว่า ประเด็นต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ศาลวินิจฉัยไปแล้ว ว่ารัฐสภาจัดทำให้มีได้

แต่ต้องให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจเขาออกเสียงประชามติก่อน ว่าต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?

มันชัดยิ่งกว่าไหทองคำ ไหงรัฐสภา (ทำเป็น) ไม่เข้าใจกัน ยังจะคะยั้น-คะยอให้ศาลตีแล้ว-ตีเล่า

ทำยังกะว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่ปรึกษากฎหมายทั้งรัฐสภา ทั้งรัฐบาลยังงั้นแหละ!?

แต่กรณีนี้ ไม่หรอก พอเข้าใจได้กับลีลาในกลเกมระหว่าง ไก่อ่อนสอนขัน กับไอ้โต้งเหนียงยาน ที่เขารู้แล้วว่า การแก้เพื่อฉีกตั้ง ส.ส.ร.เขียนใหม่

ไฟมัน "แดงโร่"!

แล้วจะทำไง ในเมื่อเป็นญัตติคาสภา ก็ถ่วงๆ ดึงๆ ไปจนปิดสมัยประชุม ตกรถ-ตกเรือ หรือไม่ก็ "ยุบสภา"

เพราะยังไงๆ ที่ว่า จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับเขียนใหม่เลือกตั้งน่ะ

ให้พรรคประชาชน "ว่าว" ไปพรรคเดียวเหอะ!

แต่เมื่อวอนเว้าเฝ้าถามศาล และผมบอก "ศาลวินิจฉัยประเด็นนี้ไปแล้ว" บางท่านอาจอยากทราบว่า ศาลวินิจฉัยไว้อย่างไร?

ความจริง ผมก็ฉายไปแล้ว แต่เอาเถอะ จะนำคำวินิจฉัยที่ ๔/๒๕๖๔ มาฉายซ้ำอีกรอบก็ได้ เอาเฉพาะประเด็นสำคัญนะครับ

.......................................

จากบางตอนในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๔/๒๕๖๔

“......ดังนั้น หลักการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกําหนดข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๕ มิให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยเด็ดขาด

ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปตามมาตรา ๒๕๖ (๑) ถึง (๙)

และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้โดยประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา ๑๕๖ (๑๕)

โดยกำหนดให้รัฐสภาประชุมร่วมกัน เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖

ซึ่งต้องดําเนินการตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกําหนดโดยเคร่งครัดว่า

กรณีใดที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ไม่สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยเด็ดขาด ดังเช่นที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๕๕

หรือกรณีใดที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ หากแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖ (๘)

การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช...ทั้งสองฉบับต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา ๒๕๖

ซึ่งมีหลักการและเหตุผลให้มีการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น โดยมีเนื้อหาสาระในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม

ให้มีหมวด ๑๕/๑ การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และมาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหมตามหมวดนี้ นั้น

เห็นว่า...........

การที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๖ (๑๕) บัญญัติให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กระทำโดยที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา มุ่งประสงค์ให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้อํานาจของรัฐสภาโดยเฉพาะ

อย่างไรก็ดี รัฐธรรมนูญได้กําหนดให้กระบวนการใช้อํานาจนิติบัญญัติของรัฐสภาในกรณีดังกล่าว

มีหลักเกณฑ์และวิธีการซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากการทําหน้าที่ในกระบวนนิติบัญญัติทั่วไป

โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญและรักษาความต่อเนื่องของรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ

กล่าวได้ว่า.....

แม้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หากแต่เป็นอำนาจที่ได้รับมอบมา ซึ่งถูกจำกัดทั้งรูปแบบกระบวนการ และเนื้อหา

รัฐสภาจึงต้องทําหน้าที่ตามที่ได้รับมอบอย่างเคร่งครัด โดยไม่อาจกระทํานอกขอบของหน้าที่และอํานาจที่รัฐธรรมนูญกําหนดไว้ได้

การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จึงต้องอยู่ในเงื่อนไขที่มีความผูกพันกับรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ยึดโยงกับหลักการพื้นฐานและให้เหมาะสมและสอดคล้องกับมติมหาชน

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๑๕ เพียงบัญญัติให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น

ไม่มีบทบัญญัติให้จัดทําขึ้นใหม่ทั้งฉบับ

การจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยวิธีการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ให้มีหมวด ๑๕/๑

ย่อมมีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐

อันเป็นการแก้ไขหลักการสําคัญที่ผู้มีอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิมต้องการปกป้องคุ้มครองไว้

หากรัฐสภาต้องการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชนผู้ทรงอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อน

ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วย

จึงดําเนินการจัดทําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป

เมื่อเสร็จแล้ว....

ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งเป็นการให้ประชาชนพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

แล้วจึงนําขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย

เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว จึงนําประกาศใช้ เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป

อันเป็นกระบวนการจัดทํารัฐธรรมนูญตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

๔.ผลคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเหตุผลดังได้วินิจฉัยข้างต้น

ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า.........

รัฐสภามีหน้าที่และอํานาจจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่า

ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?

และเมื่อจัดทําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว

ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง

...............................

ก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ ทั้งเรื่องประชามติว่ากี่ครั้ง ทั้งเรื่องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าทำได้

ทำโดยรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมา ๑๕๖ (๑๕) ไม่ใช่ไปตั้ง ส.ส.ร.เขียนเป็นฉบับจุกนมไขว้อย่างนั้น!

เพื่อไทยเขาก็เข้าใจยิ่งกว่าเข้าใจ ว่ามันเถลือกไถลไปไม่ได้

แต่ทำไงได้

ในเมื่อ "หลอกเด็ก" เข็นเรือตามหลังมาเกยแห้ง ก็ต้อง "แห่นางแมว" หลอก "ขอฝน" ในหน้าแล้งไปตามเรื่องตามราว

ก็ไม่เพราะง่าวดอกหรือ...

"เสียงมาก" กลับต้องลากระป๋องไปตามถนน ให้พรรค "เสียงน้อย" ขึ้นนั่งหอคอย โชว์เกือกประดับมุก!.

-เปลว สีเงิน

๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ซื้อหนี้' ปาหี่ชายคนนั้น

ก็ไม่ผิดจากที่สังคมคาดหมาย ว่า..... ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผ่าเกมโหด.. 'บ้านใหญ่' ฟิลิปปินส์ เสร็จนาฆ่าโคถึก!! | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์

ผ่าเกมโหด.. 'บ้านใหญ่' ฟิลิปปินส์ เสร็จนาฆ่าโคถึก!! จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2568

สืบจากศพ ‘หมอพรทิพย์’ พลิกปม ใครฆ่า...!!?? ‘อดีต ผกก.โจ้-แตงโม’ I อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร

สืบจากศพ ‘หมอพรทิพย์’ พลิกปม ใครฆ่า...!!?? ‘อดีต ผกก.โจ้-แตงโม’ อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568

“ป่าน่าน” ใน “เมืองน่าน”

๔-๕ วันมานี้ ไฟไหม้บางส่วนที่ “โรงพยาบาลรามาธิบดี” คงรู้กันแล้ว ช่วงนี้ ท่านจึงเห็นข้อความตามโซเชียล ว่า “มูลนิธิรามาธิบดี ขอเชิญร่วมบริจาคซ่อมแซมอาคาร 1 โรงพยาบาลรามาธิบดี หลังเกิดเหตุไฟไหม้ ชื่อบัญชี มูลนิธิรามาธิบดี กรุงเทพ 090-3-50015-5 กสิกรไทย 879-2-00448-3 ไทยพาณิชย์ 026-3-05216-3 LINE @ramafoundation โทรศัพท์ 0-2201-1111

ขับขานแห่ง ‘ม.นเรศวร’

มีคลิปหนึ่ง ที่ทำให้คนไทยใจพอง ถึงขั้นน้ำตาแห่งสุขรินไหล ปีติมันเค้นใจจนล้นด้วยปลื้ม นั่นคือ คลิปที่.... “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ที่เราเรียกพระองค์ท่านกันจากใจรักว่า “สมเด็จพระเทพฯ”