
เรียบร้อยครับ...
ฝ่ายค้านแก้ไขข้อความในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร จาก "ทักษิณ ชินวัตร" และคำว่า "ผู้เป็นบิดา" ออก
เปลี่ยนเป็น "บุคคลในครอบครัว" แทน
ทางพรรคเพื่อไทย มีทีท่าขานรับ
นักกฎหมายใหญ่ "ชูศักดิ์ ศิรินิล" แบ่งรับแบ่งสู้
"...เรื่องนี้ริเริ่มโดยประธานสภาฯ ซึ่งท่านมีความเห็นว่าการใส่ชื่อบุคคลภายนอกไม่ถูกต้องควรไปปรับแก้
อันที่จริงในข้อบังคับไม่ได้เขียนว่าห้ามเขียนชื่อ แต่ระบุเพียงห้ามกล่าวถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น ประธานสภาฯ จึงใช้ดุลยพินิจว่าการใส่ชื่อนายทักษิณเป็นการกล่าวชื่อบุคคลภายนอก
เมื่อแก้ไปแล้วก็ยังเป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ ว่าจะเป็นอย่างไร หากบรรจุแล้วก็จบ เราไม่ใช่ผู้ตัดสิน
เมื่อบรรจุแล้วก็อภิปรายกันไป เราไม่ได้มีข้อท้วงติงอะไร ท้ายที่สุดแล้วถ้ามีปัญหาเช่นนี้
ก็อย่างที่ผมเคยเตือนแม้จะบรรจุวาระ แต่ในการอภิปรายก็จะเกิดประเด็นอีกว่ามีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็นตามข้อบังคับ ส่งผลให้เกิดการประท้วงกันอีก แต่ข้อดีคือเมื่อประธานสภาฯ บรรจุคงคิดว่าเรื่องนี้พออนุโลมกันได้ พูดกันได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร..."
พรรคส้มเริ่มเล่นการเมืองเป็นแล้วครับ
ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้ อาจจะยังตั้งหลักไม่ทัน ต้องให้เวลาอีกวันสองวัน คงจะคิดได้ว่า การเปลี่ยนไปใช้คำว่า "บุคคลในครอบครัว" อาจเสียเหลี่ยมพรรคส้มเอาง่ายๆ
ตรรกะง่ายๆ ครับ เดิมทีพรรคส้มเขียนญัตติโดยใส่ชื่อ "ทักษิณ" เข้าไป ซึ่งหมายถึง "ทักษิณ" คนเดียว แต่วันนี้กลายเป็น "บุคคลในครอบครัว"
โอกาสเปิดกว้างเลยครับ
ใครบ้างที่อยู่ในครอบครัวชินวัตร
ทักษิณ พจมาน พานทองแท้ แพทองธาร พินทองทา ยิ่งลักษณ์ เยาวภา สมชาย ฯลฯ
ลากมาอภิปรายได้หมดครับ
แต่มันต้องมีลูกเล่น
การซักฟอกทักษิณ ไม่ยากไม่ง่าย
สื่อทำเนียบรัฐบาลเคยตั้งฉายารัฐบาลเอาไว้ เอามาใช้ประโยชน์ได้เลยครับ
รัฐบาลพ่อเลี้ยง คือความจริงเชิงประจักษ์
กลับไปหยิบนิยาม รัฐบาลพ่อเลี้ยง มาได้เลย
"...ด้วยความเป็น 'พ่อ' ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ 'ทักษิณ ชินวัตร' ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ 'พ่อคิด ลูกทำ'
และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกในสนามการเมืองเท่านั้น ยังลามไปถึงวาทะเลี้ยง 'มาม่า' พรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนบทแบ็กอัปที่ไม่ใช่เลี้ยงลูกตัวเองเท่านั้น แต่เลี้ยงรัฐบาลให้เดินอยู่ในรอยด้วย..."
คนทั้งประเทศรับรู้มาเป็นระยะๆ อยู่แล้ว กับบทบาทของ "ทักษิณ" ในรัฐบาล
ขนาดตัว "ทักษิณ" เองยังอ้างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เหมือนใบเสร็จ รับประกันว่าสามารถทำงานการเมืองได้
"...เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชนสืบไป..."
ก็แสดงว่า "ทักษิณ" รู้ตัวดีที่ผ่านมาครอบงำรัฐบาลที่ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินมาโดยตลอด
บวกกับให้ฉายาตัวเอง สทร. เสือกทุกเรื่อง
มันก็เป็นความจริงเชิงประจักษ์อยู่แล้วว่า "ทักษิณ" ใหญ่กว่านายกฯ สามารถกำหนดทิศทางการบริหารประเทศได้
สดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนวันศุกร์ ที่ ๑๔ มีนาคม ที่ผ่านมา ในงานกาลาดินเนอร์ของงานสัมมนา “The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต" ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
คำพูดของ "ทักษิณ" สะท้อนให้เห็นว่ามีส่วนร่วมกำหนดนโยบายและการทำงานของรัฐบาล
สามารถชี้ทิศทางได้ว่า ประเทศไทย ในการบริหารของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้นจะเดินไปทางไหน
"...พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซี โดยมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินการเรื่องนี้ และยังมีแผนจัดตั้ง 'แซนด์บ็อกซ์' ที่ภูเก็ตเพื่อใช้คริปโตเคอร์เรนซีและสเตเบิลคอยน์เป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยน..."
“...ปัจจุบันเรากำลังทำดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อปูทางไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล นำดิจิทัลไอดีให้ประชาชนใช้ และเราจะสร้างบล็อกเชนของประเทศ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายในปีนี้แน่นอน...”
"...โครงการสเตเบิลคอยน์ที่มีการรองรับจากพันธบัตรรัฐบาลจะแล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน..."
"...ถ้าเราทำให้ราคาพลังงานถูกลง เราจะสามารถดึงดูดนักลงทุน AI และเทคโนโลยีขั้นสูงได้..."
นี่แค่บางส่วนที่หยิบยกมา จะเห็นได้ว่า "ทักษิณ" พูดราวกับตัวเองไปนั่งหัวโต๊ะในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
รู้หมดกรอบของโครงการ กรอบระยะเวลา
ยังมีประเด็นที่น่าสนใจยิ่งกว่าข้างต้นนั้นคือ มีคำถามถึงอนาคตของประเทศไทยในอีก ๑๒ เดือนข้างหน้า
"ทักษิณ" ตอบราวกับตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี
"...ต้องการให้มีพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่สามารถพัฒนาเป็น 'ดิจิทัลเอ็มบาสซี' หรือสถานทูตดิจิทัล ที่สามารถรองรับบริษัทเทคโนโลยีจากหลายประเทศ และทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลาง AI ของภูมิภาค..."
เสือกทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่แค่เสือกพูด
แต่ยังเสือกครอบงำรัฐบาลอีกต่างหาก
คนที่สามารถรู้ได้ว่าไทยอีก ๑๒ เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างไร นอกจากรัฐบาลแล้ว ไม่มีคนอื่นหรอกครับ เพราะคนที่ต้องทำให้เป็นนั้น ไม่ได้มีบทบาทแค่เสือก
แต่ต้องสั่งการด้วย
ในแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องดีที่มีแนวคิดใหม่ๆ แต่ในหลักการบริหารราชการแผ่นดิน คนที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ขี่คอคนที่มีอำนาจตามกฎหมายอยู่ตลอดเวลา นายกรัฐมนตรีก็เป็นได้แค่นอมินีเท่านั้น
หากบริหารแล้วล้มเหลว มีคอร์รัปชัน คนที่อยู่เหนือนายกฯ ไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายแต่อย่างใด
ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่ายค้านต้องกระชากตัว "ทักษิณ" ออกจากหลัง "แพทองธาร" ให้ได้
ครับ...มันเป็นความจริงเชิงประจักษ์ "ทักษิณ" ทำตัวเหนือรัฐบาล
หากการอภิปรายไม่ไว้วางไม่สามารถ เอ่ยถึง "ทักษิณ" ได้ แล้วจะให้พูดถึงแมวที่ไหน
ยอมรับความจริงกันเถอะครับประเทศไทยวันนี้บริหารโดย "ทักษิณ"
เพราะลำพัง ใสๆ ซื่อๆ อย่าง "แพทองธาร" ไม่กล้าหรอกครับที่จะผุดกาสิโน พนันออนไลน์
เป็นฝีมือ "ทักษิณ" ล้วนๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉีกหน้ากากอเมริกา
ข่าวใหญ่สัปดาห์ก่อน... เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเผยแพร่แถลงการณ์ของ "มาร์โก รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
โถ...คุณพ่ออียู
ขอแสดงความยินดีกับฝ่ายค้านด้วย...ยินดีที่ได้ประเด็นไปซักฟอกนายกฯ แพทองธาร มีข่าวจากทางฝั่งยุโรปว่า รัฐสภายุโรป ผ่านมติร่วม ประณามไทย โทษฐาน เนรเทศอุยกูร์กลับจีน
โอกาสของ 'ลุงป้อม' เปิดแล้ว
จะไหวมั้ย... ปกติการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านยื่นประธานสภาฯ รับเสร็จ ก็บรรจุในระเบียบวาระการประชุม นัดวันซักฟอกกันไป
'สุจริต' ต้องคิดเองได้
ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน... รัฐบาลเพื่อไทย กำลังเดินเข้าสู่เส้นทางที่ตีบตันมากขึ้นทุกที
อาจไม่มีการซักฟอก
เอาแต่ได้... พรรคเพื่อไทยยังยืนยัน ห้ามมีชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และห้ามฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิง "ทักษิณ ชินวัตร" ในสภา
นายกฯ เจนวายวอด
ดูแล้วหนักหนาสาหัส.... คิดเหมือนกันมั้ยครับ