
พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 โดยชี้ว่า เป็นต้นเหตุของความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินทั้งหมด เป็นผู้มีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป การที่พรรคฝ่ายค้านตั้งใจจะอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าเนื้อหาในการอภิปรายจะครอบคลุมทุกประเด็น เกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง โดยจะทำให้การซักถามนั้นเกี่ยวโยงมาถึงตัวนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร แต่การลงมติไม่ไว้วางใจยื่นต่อนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะเชื่อว่าสาเหตุของปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินของแต่ละกระทรวงในปัจจุบันเกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา การคัดสรรรัฐมนตรีกำกับกิจการของแต่ละกระทรวงที่ไม่เหมาะสม เป็นเหตุให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
ในการยื่นญัตตินั้น ฝ่ายค้านกล่าวหาอย่างชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและขาดความรู้ความสามารถ ข้อกล่าวหานี้ ถ้าหากฝ่ายค้านเอาจริงเอาจังในการหาข้อมูลมาสนับสนุนข้อกล่าวหา ก็จะสามารถหาเหตุการณ์จริงเชิงประจักษ์มาสนับสนุนข้อกล่าวหาไม่ยาก ฝ่ายค้านยังพูดต่อไปว่าในการดำรงตำแหน่งนั้น นายกรัฐมนตรีขาดเจตจำนงในการแก้ไขปัญหาแก่ประชาชน (อันนี้ไม่รู้ว่าขาดเจตจำนงหรือขาดความสามารถ หรือไม่มีบัญชาการมาจากผู้เป็นบิดา) ฝ่ายค้านบอกว่าในการทำหน้าที่เป็นประมุขฝ่ายบริหารที่จะต้องพัฒนาและแก้ปัญหาของประเทศ นายกรัฐมนตรีไม่มีความรับผิดชอบต่อการเป็นนายกรัฐมนตรี (จะเอาอะไรกับคนที่ไร้วุฒิภาวะที่อ้างตนเป็นคน Gen Y ที่คงจะหมายถึงการเป็นคนทันสมัยที่คนแก่ๆ แบบ Gen B และ Gen X ไม่เข้าใจหรือไม่คุ้นเคย)
ฝ่ายค้านร่ายยาวต่อไปว่าการบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว จีดีพีของประเทศเติบโตรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่งตั้งบุคคลที่เขาขอมาให้มาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี เรื่องนี้สามารถเอารัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยมาชำแหละรายตัวเลยก็ได้ ทั้ง สหายใหญ่ “เดอะแบก” ตาปรือ “เดอะหมุน” นกตะกรุม “เดอะกล้วย” ชายชรา “เดอะแวท” สตรอเบอรรี่ “เดอะเม็น” สองรัฐมนตรีอมตะ “เดอะจิ้งจก” ความเก๋าเกมของรัฐมนตรีที่ว่านี้ ทำให้นายกรัฐมนตรีกลายเป็นคนขาดภาวะผู้นำในการบังคับบัญชารัฐมนตรีที่อาวุโสกว่า มีประสบการณ์ทางการเมืองมากกว่า ต้องยอมให้รัฐมนตรีทั้งหลายที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือตน รวมถึงยินยอมให้ผู้เป็นบิดามาเป็นผู้ครอบงำการทำงาน สามารถชักนำ จูงใจให้รัฐบาลทำตามที่เขาต้องการ ปล่อยให้บิดาที่เป็นคนนอกทำตัว สทร. (ตามที่เขาเรียกตัวเขาเอง) มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารราชการแผ่นดินได้ ฝ่ายค้านเชื่อว่าทุกๆ ปัญหาที่รุมเร้าประเทศไทยอยู่ในเวลานี้ เกิดจากตัวนายกรัฐมนตรีเองที่เป็นคนไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่มีวุฒิภาวะ ประชาชนจำนวนมากก็เห็นด้วยว่านายกรัฐมนตรีทำหลายสิ่งหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ไม่รู้กาลเทศะ ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เหมาะสม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยอับอายขายหน้าชาวโลก แม้แต่เรื่องยุทธศาสตร์ Soft Power ก็ไม่ประสบความสำเร็จจากการใช้งบประมาณมหาศาลในการเดินสายไปทำกิจกรรมหลายๆ อย่างแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ด้วยเหตุนี้ฝ่ายค้านจึงสรุปประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีออกมาเป็น 6 ประเด็น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.ไม่มีคุณสมบัติและไม่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารด้วยประการทั้งปวง ขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ และขาดเจตจำนงในการบริหารราชการแผ่นดินที่แก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ส่งผลทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศชาติ
2.จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม
3.ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวง ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย
4.บริหารบ้านเมืองผิดพลาดล้มเหลวอย่างร้ายแรงทั้งในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา
5.เจตนาและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันภายใต้การบริหารงานของตนเอง ทั้งยังทุจริตเชิงนโยบาย บริหารบ้านเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้องและกลุ่มทุน แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความเหมาะสม ขาดความรู้ความสามารถ หรือไม่ซื่อสัตย์สุจริตไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญอื่น
6.สมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้พรรคประชาชนแก้ไขญัตติ โดยขอให้เอาชื่อของทักษิณที่เป็นคนนอกออกจากญัตติ ไม่เช่นนั้น จะไม่บรรจุญัตติเข้าเป็นวาระในการประชุมสภา ฝ่ายค้านยังยื้ออยู่ อ้างว่าสามารถทำได้ตามบทบัญญัติของกฎหมาย หลายฝ่ายบอกว่าเอาออกเถอะ ใช้คำว่า “คนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค” ก็ได้ เวลาอภิปรายมีคำมากมายที่จะใช้ได้ แล้วทำให้คนเข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร อย่ายื้อเลยนะ ถ้ายื้อ ระวังคนเขาจะกล่าวหาว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะอภิปรายจริง จึงสร้างปมไว้ให้เป็นเงื่อนไขให้ประธานสภาฯ ไม่บรรจุการอภิปรายเข้าเป็นวาระการประชุม แบบนี้จะเสียรังวัดฝ่ายค้านที่อ้างว่าจะเอาจริงนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บทเรียนจาก 'ท่านปัญญาจารย์'
ด้วยเหตุเพราะอ่านหนังสือซะหมดบ้าน...จนแทบไม่เหลืออะไรจะอ่าน เลยต้องหันไปคว้า พระคัมภีร์ไบเบิล เล่มหนาๆ ระดับหนุนหัวนอนได้สบายๆ
โผปูทางโยกย้าย ต.ค.
การแต่งตั้งวาระเดือนเมษายน หรือที่เหล่าสีกากีเรียก "นายพลแก้มลิง" ขยับไปอีกหนึ่งขั้น เมื่อ บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน
ดร.เสรี วิจารณ์ 'แพทองธาร' แต่งตัวตามแฟชั่นขาดรสนิยม แนะลด 'อีโก้' พัฒนาทักษะ
ดร.เสรี วงษ์มณฑา วิจารณ์การแต่งกายของนายกฯแพทองธาร โดยมองว่าแต่งตามสมัยนิยมไม่เหมาะสมกับรูปร่างตัวเอง และเสี่ยงที่จะดูแย่ แนะนำลดอีโก้และพัฒนารสนิยมเพื่อให้ประเทศดูดีขึ้น
คาดผลตรีเทพย้ายราศีต่อคนลัคนาสถิตกรกฎ
เดือนพฤษภาคมปีนี้ ดาวสำคัญทางโหรที่เรียกกันว่า ตรีเทพ อันได้แก่ พระราหูจร (8) เจ้าของความลุ่มห
'ดร.เสรี' กรีด! รัฐบาลเอาเยื่อสมองส่วนไหนคิด อ้างแจกเงินหมื่นเพราะมีความสามารถด้านเทคโนโลยีสูง
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความว่า การมีความสามารถด้านเทคโนโลยีสูงคือคุณสมบัติที่เหมาะที่จ
'ความจริง'กับ'วันนักข่าว'
พุธที่เพิ่งผ่านมาตรงกับวันที่ 5 มีนา. ...ถ้าว่ากันตาม มาตรฐานเดิมๆ ก็คงต้องถือเป็นวันสำมะคัญอีกวันหนึ่งอยู่พอสมควร คือเป็น วันนักข่าว แต่ถ้าว่ากันตาม มาตรฐานใหม่ๆ