สัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ...ดุจริงหนอ

ผ่านไปกว่า 32 ปีที่ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ อยู่ในระดับต่ำ ทางซาอุฯ มีเพียงเลขาฯ ทูตทำงานอยู่ในประเทศไทย แรงงานไทยไม่สามารถไปทำงาน (ขุดทอง) ได้อย่างที่เคยทำมา การเดินทางไปซาอุฯ ไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากประเทศไทยไปซาอุฯ และจากซาอุฯ มาประเทศไทย การค้าขายระหว่างกันก็อยู่ในวงจำกัด ไม่ว่าการทูต การค้า การท่องเที่ยว ล้วนอยู่ในสภาพที่ไม่น่าประทับใจทั้งนั้น

บัดนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทางดี นั่นคือ ไทย-ซาอุฯ สามารถฟื้นความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชมยินดีกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครั้งนี้ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และเป็นความสามารถและความพยายามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการหลายๆ คนในกระทรวงการต่างประเทศ

ท่ามกลางความยินดีของคนส่วนใหญ่ในประเทศ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการล้มรัฐบาล และต้องการเอาใจนายใหญ่ในแดนไกล ก็ออกมาด้อยค่ารัฐบาล ขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เป็นความเท็จและเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาด้อยค่าผลงานของรัฐบาลและข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวหาว่าประเทศไทยไม่มีใครคบ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมนานาชาติ แสดงบทบาทในเวทีโลก และได้เจรจาความในระดับทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศ ทั้งการออกไปต่างประเทศ และผู้นำต่างประเทศมาที่ประเทศไทย

กล่าวหาว่าประเทศไทยจัดการเรื่องโควิดล้มเหลว ทั้งที่ WHO (องค์การอนามัยโลก) กล่าวชม และยังแนะนำประเทศอื่นๆ ให้เรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศไทย เพราะหลายประเทศที่ทำตามแบบของไทย โดยเฉพาะเรื่องการฉีดไขว้ยี่ห้อของวัคซีนนั้น ได้ผลลัพธ์เป็นอย่างดี และประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนของหลายประเทศมองเป็นสถานที่ปลอดภัย ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองอันดับหนึ่งของการทำงานนอกสถานที่ทำงานและนอกบ้าน (Workation) และยังมีภูเก็ต และเชียงใหม่เป็นอันดับ 10 ด้วย

สร้างวาทกรรมว่า “ผู้นำโง่ๆ ประชาชนจะตายหมด” เป็นการสร้างวาทกรรมแบบไม่ดูความจริงเชิงประจักษ์ คนเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยได้ ทำงานรับราชการจนเป็นเบอร์หนึ่งในองค์กรคือเป็นผู้บัญชาการทหารบก จะเป็นคนโง่ได้อย่างไร คนฉลาดไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำเป็นเองทุกเรื่อง แต่ต้องรู้จักใช้คนเป็น และฟังคำแนะนำของคนอื่นในเรื่องที่ตนเองไม่ถนัด เหมือนอย่างที่ท่านตั้ง ศบค. ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคณะทำงานด้านสาธารณสุข และตั้งนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและนักวิชาการทางด้านเศรษฐกิจเป็น ศบศ. ช่วยให้คำปรึกษาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

เพื่อให้การไปเยือนซาอุฯ ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ดูไม่มีความสำคัญอะไร ก็กระจายข่าวว่ามีแต่รองผู้ว่าแคว้นของซาอุฯ มาต้อนรับ ไม่มีคนสำคัญมาต้อนรับ บางคนก็บอกว่าเป็นพระราชวงศ์ปลายแถว ทั้งๆ ที่ผู้ที่เสด็จมารับนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นมกุฎราชกุมารที่หมายถึงการเป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อไป อีกทั้งยังทรงดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และยังขยายความต่อไปอีกว่านายกรัฐมนตรีได้เจรจาความกับรองผู้ว่าแคว้นเท่านั้น ไม่ได้เจอคนสำคัญใดๆ ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือกับคณะผู้บริหารคณะใหม่ ได้เจรจากับรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง มีการพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่คณะของประเทศไทย มีการพาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญคือมีการเจรจาเรื่องการเปิดรับแรงงานไทยให้ไปทำงานที่ซาอุฯ ได้ หลังจากว่างเว้นมามากว่า 30 ปี

มีการบอกกับสังคมว่านายกรัฐมนตรีของไทยไม่ได้เดินบนพรมแดง แต่เดินพรมม่วง แสดงว่าไม่ใช่เป็นแขกระดับ VIP ทั้งที่จริงแล้วพรมสีม่วงเป็นอัตลักษณ์ของซาอุฯ ที่จะมีดอก Lavender สีม่วงพร่างพรมดินแดนทะเลทรายของซาอุฯ ในยามที่ฝนโปรยปราย เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความโอบอ้อมอารี เป็นพรมที่มีการขลิบลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของซาอุฯ เป็นลวดลายที่เป็นมรดกโลกแห่งความทรงจำ และพรมสีม่วงนี้ทางซาอุฯ ได้ใช้ในการต้อนรับอาคันตุกะระดับผู้นำประเทศมาหลายรายแล้ว

ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ตื่นเต้นและยินดีกับข่าวนี้ ก็ยังมีนักการเมืองฝ่ายค้านบางคนออกมาบอกว่าไม่เห็นจะต้องยินดีอะไรเลยกับการที่ไทย-ซาอุฯ ฟื้นความสัมพันธ์ แค่ซาอุฯ ต้องการเปิดประเทศ เพราะปิดประเทศเขาจะไปไม่รอด เป็นการด้อยค่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังเป็นการดูถูกประเทศซาอุฯ ด้วยว่าต้องเปิดสัมพันธไมตรีกับไทยจึงจะทำให้ประเทศอยู่รอดได้ ถ้าหากจะต้องเปิดประเทศให้อยู่รอดเขาน่าจะสร้างสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่นๆ ที่ร่ำรวยกว่าประเทศไทยดีกว่า ประเทศไทยเป็นแค่ประเทศมีรายได้ปานกลาง ถ้าหากจะพากันไปเที่ยวประเทศซาอุฯ คงไม่ไปเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศซาอุฯ ที่ร่ำรวยด้วยการขายน้ำมัน

ยังมีคนสร้างวาทกรรมว่า “ไม่คืนเพชร แต่คืนดี” ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลนี้แม้แต่น้อย การขโมยเพชรเกิดขึ้นมากว่า 30 ปีแล้ว ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีน่าจะยังเป็นทหารอาชีพที่ยังไม่ใช่ระดับสูง และไม่มีบทบาทในการบริหารประเทศ แล้วจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม เหมือนจะให้นายกรัฐมนตรีคนนี้ไปเที่ยวควานหาเพชรไปคืนให้ซาอุฯ ทั้งๆ ที่เพชรสีน้ำเงินที่พูดถึงนั้นมีจริงหรือไม่ ความบาดหมางน่าจะเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่และนักธุรกิจของซาอุฯ ถูกฆ่าตายภายในประเทศไทยมากกว่า เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ส่วนเรื่องเพชรนั้นคนร้ายถูกลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งคนที่เป็นคนขโมยมา พ่อค้าที่รับซื้อ และตำรวจที่ทุจริตพัวพันกับคดีฆาตรกรรมครอบครัวพ่อค้าเพชร ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนเอาเรื่องนี้มาโยงกับรัฐบาลนี้ไปทำไม โดยตรรกะแล้ว รัฐบาลนี้ไม่เกี่ยวกับกรณีการขโมยเพชรและการฆ่าคนซาอุฯ ตายในเมืองไทยเลย

ความพยายามด้อยค่าความสำเร็จของรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศในการฟื้นสัมพันธไมตรีไทย-ซาอุฯ ครั้งนี้มันดุจริงๆ มันกำลังจะทำให้คนบางกลุ่มบางพวกอกแตกตาย หรือไม่ก็กระอักเลือดตายเพราะความอิจฉา จึงมีความพยายามบิดเบือนข่าวสารที่เป็นความเป็นจริงของเหตุการณ์ ข่าวลวง ข่าวเท็จ ข่าวบิดเบือนทั้งหมดเป็นการกระทำของคนขี้อิจฉาที่หูหนวกตาบอด ที่กำลังจะอกแตกตาย เพราะนายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จในการฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุฯ เป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลที่น่าจะส่งผลทำให้คะแนนของนายกรัฐมนตรีสูงขึ้นเป็นแน่แท้ ยิ่งถ้าเอาผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นมาขายความกันให้ชัดๆ สงสัยว่าเส้นโลหิตในสมองอาจจะแตกตายได้เพราะความริษยามันพองตัว เหตุการณ์ครั้งนี้ดุจริง ร้ายจริงนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาชนได้ประโยชน์อันใด

การอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลงไปแล้ว การลงคะแนนไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจก็จบไปแล้ว หลายท่านบอกว่าผิดหวังกับการอภิปรายครั้งนี้

'กองทัพ' ในสมการบรรเทาสาธารณภัย

เสร็จสิ้นเรียบร้อยการแต่งตั้ง "นายพล" วาระเดือนเมษายน หรือ "นายพลแก้มลิง" ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พล.ต.อ., ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ

คาดผลตรีเทพย้ายราศีต่อคนลัคนาสถิตกันย์

เดือนพฤษภาคมปี 2568 นี้ ดาวสำคัญทางโหรที่เรียกกันว่า ตรีเทพ อันได้แก่ พระราหูจร (8) เจ้าของความลุ่มหลงมัวเมา-ความมืด-อวิชชาหรือตัวแสบ-พระพฤหัสบดีจร (5) เจ้าแห่งปัญญาพิสุทธิ์หรือหัวหน้าดาวดีเทวดาประจำตัว

โปรดดูโพลก่อนด่า...ประชาพอใจ

ตลอดระยะเวลาที่แพทองธารดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลาประมาณครึ่งปี เธออาจจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ จนถึงระดับถูกด่าทอต่อว่ามากที่สุดของประเทศไทย