บันทึกหน้า 4

ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net น้ำเงินกินรวบ! งัดยุทธศาสตร์แยกกันเดิน แต่เป้าหมายเดียวกัน คือปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ เล่นเอาแดงกับส้มไปไม่เป็น หลังพรรคภูมิใจไทย นำโดย "ไชยชนก ชิดชอบ" สส.บุรีรัมย์และเลขาธิการพรรค ประกาศเจตนารมณ์ไม่ร่วมสังฆกรรม ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ฉบับพรรคประชาชน กับฉบับพรรคเพื่อไทย ก่อนวอล์กเอาต์จากห้องประชุม พรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าโอกาสผ่านยาก

จึงหาทางออกให้ตัวเองด้วยการหนุนญัตติ "นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ" หัวหอกกลุ่ม สว.สีขาว ที่ขอให้รัฐสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) แต่ปรากฏว่าแพ้โหวตด้วยคะแนน 247 ต่อ 275 เสียง ไม่สามารถเลื่อนญัตติด่วนของหมอเปรมขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ พอที่ประชุมเดินหน้าประชุมต่อ "พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์" โฆษกวิปวุฒิสภา แจ้งประธานว่าไม่เห็นด้วยกับการที่มีการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนนำทีม สว.สีน้ำเงิน วอล์กเอาต์ ทำเอา สว.พันธุ์ใหม่ ตามเกมไม่ทัน ลุกขึ้นโวยว่าแพ้มติเลยเดินออกจากห้องประชุม แต่พอมาเช็กเสียงที่โหวตไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติหมอเปรม นอกจาก สส.พรรคประชาชนแล้ว อีกกว่า 100 คน กลายเป็น สว.น้ำเงิน โหวตทางเดียวกับพรรคส้ม แต่หวังผลต่างกันสิ้นเชิง เรียกว่าเดินหมากหลายชั้น ต้องยกให้ "ครูใหญ่เนวิน" ถึงคิดได้ลึกซึ้งขนาดนี้

๐ นับเป็นอีกครั้งที่ "ภูมิใจไทย" ออกโรงขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากช่วงเดือน ก.ย.67 เพื่อไทยประกาศเดินหน้าแก้ รธน. รายมาตรา โละทิ้งจริยธรรมสุดซอย เปิดทางโล่งให้กับนักการเมืองสีเทา โดยมีพรรคประชาชนหนุนสุดลิ่ม สุดท้าย พท.ต้องถอยสุดซอยแทน เมื่อเจอพรรคร่วมรัฐบาลแพ็กกันแน่นคัดค้าน รวมถึงตัวแปรสำคัญอย่าง สว.น้ำเงิน มาถึงคราวนี้ที่เพื่อไทยต้องการรื้อทั้งฉบับ แล้วร่างฉบับใหม่ขึ้นแทนฉบับปี 2560 โดยเฉพาะเงื่อนไขเดดล็อก ที่ระบุไว้ในมาตรา 256 กำหนดว่าจะต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา และในจำนวนนี้ต้องมีเสียง สว.เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ทำให้เพื่อไทยเสนอแก้ไขโดยตัดประเด็นนี้ทิ้ง กำหนดเพียงว่าการออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่ง ต้องมีเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ส่วนวาระสาม ต้องมีคะแนนเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เพื่อให้ต่อไปอยากรื้อรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ก็ง่ายสะดวกโยธิน แค่มีเสียงข้างมากลากไปก็พอ  ปัญหาอยู่ที่เวลานี้สมาชิกรัฐสภาเท่าที่มีอยู่ มี 692 เสียง แบ่งเป็น สส. 493 คน สว. 199 คน กึ่งหนึ่งคือ 346 คนขึ้นไป และในจำนวนนี้ต้องมีเสียง สว.เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 หรือ 67 คนขึ้นไป หมายความว่าต่อให้มีเสียง สส. ลงมติเห็นชอบมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ตราบใดที่วุฒิสภาไม่เอาด้วย ในเมื่อ สว.น้ำเงิน ที่มี "มงคล สุระสัจจะ" นั่งแท่นประธาน ประมาณ 150 คน ไม่ร่วมสังฆกรรมเหมือน สส.น้ำเงิน เท่ากับตอกฝาโลงไปได้เลย

๐ งานนี้เพื่อไทยแทบกระอักเลือด เดินต่อไปก็ไม่ได้ ถอยก็ลำบาก “วันนี้จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างนี้ไม่ตกและให้อยู่นานที่สุด นั่นคือองค์ประชุมถ้าไม่ครบก็ประชุมต่อไม่ได้ ก็จะมีเวลาในการตั้งหลัก เพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังไปว่าพิจารณาไปแล้ว แล้วไปตายข้างหน้านั้นเราไม่เอา ฉะนั้น จึงเกิดเหตุการณ์ในวันนี้เร็วมาก เราจึงคิดว่าทำยังไงให้ร่างนี้อยู่และยืดชีวิตต่อไปได้ เพื่อนสมาชิกบางคนบางพรรคอาจจะมองเข้าใจผิด เรามีเจตนาเพื่อที่จะผลักดันให้สำเร็จ ถ้าเดินทางตรงไม่ได้ ก็ขอเดินทางโค้ง หากทางโค้งยังไม่สำเร็จขอหยุดการเดินทางไว้ก่อนดีกว่าเดินไปตกเหว” สุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รับสารภาพต้องล่มสภาเองกับมือ ก่อนก้าวลงหุบเหว คงต้องรอดูว่านายใหญ่จะแก้เกมนี้ยังไง โปรดติดตามตอนต่อไปเช้าวันศุกร์นี้...

 

ลี้คิมฮวง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

หลังเปิดแผลรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ยุทธการจากนี้ต้อง “โรยเกลือ” เพื่อให้แผลแสบเจียนตาย เมื่อฝ่ายค้านมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองตรวจสอบ “นายกฯ อิ๊งค์” มีน้ำหนักและมัดแน่น ก็จงยื่นตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่มัวแต่คิดว่าเป็นเรื่องของ “นิติสงคราม” หากมัวแต่คิดแบบนั้นเท่ากับติดกับดักความคิดตัวเอง

บันทึกหน้า 4

ในที่สุด “ลิเกการเมือง” ว่าด้วยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จบอย่างเป็นทางการแล้ว โดย มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 488 เสียง ก็ลงมติเห็นด้วยในการไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 319 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ลงคะแนนไม่มี ซึ่งก็เรียบร้อยตามที่ “นายใหญ่” สั่งมานั่นเอง ...๐

บันทึกหน้า 4

การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านไปแล้ว บรรยากาศการอภิปรายมีประท้วงกันบ้าง คำว่า "กี้่กี้" ดังสนั่นสภาและโซเชียลมีเดีย ถือเป็นสีสันการเมือง

บันทึกหน้า 4

อีกไฮไลต์สำคัญของศึกซักฟอก แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่สังคมจับคือ เจ้าพ่อดีลอย่าง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะมาเปิดข้อมูลทางการเมืองเรื่องดีลต่างๆ ในรอบ 20 ปี สร้างแรงสั่นสะเทือนหรือไม่

บันทึกหน้า 4

บันทึกวันนี้ขอเริ่มต้นด้วยคำถามปิดกันให้แซ่ดในโลกโซเชียล ..วันนี้คุณเผากางเกงช้างทิ้งหรือยัง?!? เพราะหลังจากเห็น "พรีเซนเตอร์" แต่ละนายแต่ละนางกลางทำเนียบรัฐบาลแล้ว รู้สึกสิ้นเกียรติ สิ้นศักดิ์ศรีความเป็นกางเกงยอดนิยมสไตล์สบายๆ มาดเก๋มีเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์สะท้อนความเป็นไทยไปแทบจะอยากเอาไปทิ้งกันเลยทีเดียว..ใช่ไหม?!?

บันทึกหน้า 4

องครักษ์พิทักษ์นายพรึ่บ! เพื่อแม้วเปิดตัว 20 ตัวตึง รับหน้าที่ประท้วง เห็นชื่อชั้นไม่ธรรมดา อย่าง “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สุทิน คลังแสง อดิศร เพียงเกษ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รวมถึงอดีตแกนนำเสื้อแดงตัวจี๊ด ก่อแก้ว พิกุลทอง