
“ทุกคนที่ฝันอยากเป็นนางแบบ เตรียมลุยเลยค่ะ โอกาสมาแล้ว”
นี่..คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ป่าวประกาศหลังจากที่ได้จับไม้-จับมือกับนางแบบโลกที่ทำเนียบฯ เมื่อวันก่อน โดยโพสต์ว่า..
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับเกียรติจากคุณนาโอมิ แคมป์เบลล์ มาเป็นที่ปรึกษาในโครงการ 'สวยแบบไทย ไประดับโลก'
ซึ่งคุณนาโอมิจะร่วมกับทีมไทยแลนด์ ทำโปรเจกต์ด้วยกันค่ะ
คุณนาโอมิ คือนางแบบที่ใช้ความสามารถ สร้างนิยามความงามที่หลากหลาย ต่อสู้กับมายาคติ และการถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
และคอยผลักดันเรื่องความเท่าเทียมของคนทุกเพศ ทุกเชื้อชาติให้มีพื้นที่บนรันเวย์โลก
เธอคือแรงบันดาลใจที่เป็นรูปธรรมของการต่อสู้เรื่องความหลากหลาย ตรงกับที่รัฐบาลอยากผลักดัน ทำให้ 'ทุกคน' 'ทุกเพศ' และ 'ความสวยทุกแบบ'
โดยเฉพาะความสวยแบบคนไทยให้มี 'โอกาส' ไปอยู่บนรันเวย์โลก สปอตไลต์มาที่คนไทยค่ะ
อีกไม่นานเกินรอค่ะ จะเปิดรายละเอียดการรับสมัครนะคะ”
ครับ..สาวใต้ สาวอีสาน สาวเหนือ สาวตะวันออก และสาวกลาง ก็เตรียมตัว-เตรียมใบหน้ากันเอาไว้ อย่าไปเที่ยวเหลาคาง ทำจมูกเสียก่อนล่ะ..นายทักษิณไม่ชอบ!
เอาแบบ “ไก่บ้าน” ไทยแท้ที่อีพ่อ-อีแม่ให้มานี่แหละ ถึงจะเข้าข่าย-มีโอกาสไปอยู่บนรันเวย์โลกได้ ซึ่งผมก็อยากเชียร์-อยากเห็น และหวังว่าจะได้เข็นกันไปให้ถึงฝั่งฝัน!
อย่างไรก็ตาม เมื่ออ่านที่คุณปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ โพสต์แสดงความเห็นต่อนโยบายผลิตนางแบบไทยไร้ศัลยกรรมนี้ว่า..
“คือนโยบายที่ fraud (หลอกลวง, ฉ้อฉล) ถูกสร้างภาพฝันโดยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนโยบายที่ไม่มีแต่แรกในรัฐบาลชุดนี้ แต่เอามาพ่วงท้ายความเพ้อฝันเรื่อง soft power
ที่บอกว่านโยบายผลิตนางแบบนี้หลอกลวงก็ด้วยหลายเหตุผล..ที่พูดไปแล้วคือเรื่อง economy of scale ไทยจะสามารถยกระดับแฟชั่นของเราไปสู่อุตสาหกรรมโลกได้หรือ
นักท่องเที่ยวทั่วโลก ถ้าคิดถึงเมืองแฟชั่น เขาคิดถึงมิลาน ปารีส ไม่มีใครอยากบินมาไทยซื้อชุดลิเกใส่ และตอนนี้ก็เริ่มงงแล้วด้วยว่า ตกลงจะดันนางแบบไทย หรือเอาเรื่องแฟชั่น
ซึ่งทั้ง 2 อย่างไม่ใช่จุดแข็งของไทยเลย แต่เป็นแค่ gimmick (ลูกเล่น) ของนายทักษิณที่เอามาสร้างสีสันทางการเมือง ที่ไม่สามารถผลิตอะไรเป็นรูปธรรมทางเศรษฐกิจได้
ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ที่นายกฯ พูดเรื่อง soft power ตั้งแต่วันแรก วันนี้มีอะไรที่เป็นรูปธรรมไหม..
นโยบายนี้ไม่ใช่นโยบายใหม่ เมื่อกว่า 20 ปีก่อน ทีมไทยรักไทยเสนอนโยบาย Bangkok, Capital of Fashion ซึ่งก็พัง เพราะถ้าสำเร็จวันนั้น นายทักษิณก็คงไม่ต้องเอามาปัดฝุ่นขายใหม่
เราไม่มีทางสู้มิลาน ปารีสได้ เราไม่มีบุคลากรที่เทรนมาด้านนี้ และไม่ใช่เทรนได้ภายใน 2-3 เดือน อุตสาหกรรมแฟชั่นต้องพึ่ง talent หรือพรสวรรค์
ฝรั่งเวลาหลับตาแล้วพูดถึงไทย เค้าคิดถึงแฟชั่นหรอ ไม่ค่ะ เค้าคิดถึงวัด cheap food ทะเล กะหรี่ นี่คือจุดแข็ง ส่วนแฟชั่นไม่มีทางเป็นอุตสาหกรรม mainstream ได้
ความพยายามของรัฐบาลเรื่องนี้จึง fail มากๆ..
สุดท้าย คนที่ได้กำไรจากงานนี้ไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่ทักษิณ ที่แน่ๆ ไม่ใช่ประชาชน แต่คนที่ได้คืออีนาโอมิ ได้ตั๋ว first class มาเที่ยวไทย เงินขวัญถุงหลักหลายล้าน
มาเดินสยายผมในทำเนียบสวยๆ ให้มีข่าวลงหน้าหนึ่ง สุดท้ายก็ขนเงินกลับไปเสวยสุขที่ลอนดอน”
อืออ..ก็น่าคิด-น่าใคร่ครวญตาม สรุปที่รัฐบาลพยายามจะทำโน่น-ทำนี่ หนีไม่พ้น “ผลประโยชน์” เลยสักเรื่องใช่ไหม?
พ่อนายกฯ จะไม่คิดทำอะไรที่ห่างไกลเงิน-ทองบ้างเชียวหรือ?.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มันกำลังจะเป็น
แต่บังเอิญไปเห็นในเฟซบุ๊กของ “คุณอ้วน รีเทิร์น” กะเทยตัวแม่ที่โพสต์เข้า ก็เลยใคร่ขออนุญาตลอกมาให้ผู้อ่านได้รู้ ก็..รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ข้อความคุณอ้วนว่าอย่างนี้.. “ลำไย รวยขนาดไหน ค่าตัว 1.8 แสน ถึง 2 แสนต่องาน เดือนหนึ่งมี 50-60 งาน รายได้ 80-100 ล้านอย่างต่ำ
อย่าวางใจสทร.
อาการน่าเป็นห่วง! ไม่ได้หมายถึงแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ และก็ไม่ใช่นายทักษิณ พ่อนายกฯ ที่ตอนนี้หาความสุขอะไรไม่ได้เลย..
บทดีแต่ไม่ลื่นไหล
กูว่าแล้ว! ใครเชื่อก็เชื่อไป สำหรับผมไม่เชื่อมาตั้งแต่ต้น ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร คนเดียวนั้น จะจริงจัง เอาเป็น-เอาตาย
ตัวทำลายการเจรจา!
ลงไปกล่าวคำ “ขออภัย” แต่แทนที่เสียงปืน-เสียงระเบิดจะเพลาๆ หรือจางหูลง กลับกลายเป็นว่า หลังนายทักษิณ ชินวัตร-สทร. กลับขึ้นมากรุงเทพฯ..
ปัญหาข้าวแก้ง่าย?
นายทักษิณนี่ ตัวปัญหาจริงๆ.. ดูสิ..ทำตัวเป็นผู้มากบารมีเหนือรัฐบาล ตั้งตนเป็น สทร.-เสือกทุกเรื่อง แต่พอฝ่ายค้านบรรจุชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธารเข้าหน่อย
ต่อ-ไม่ต่อเรื่องของสู
ไม่รู้จะโทษใคร.. เพียงแต่จะขออนุญาตชี้แจงกับท่านผู้อ่านว่า บทความผมเมื่อวาน (ในเว็บไซต์) เนื้อหาได้หล่นหายไปย่อหน้าหนึ่ง ถ้าอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง-ไม่เข้าใจ ก็ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยละกัน!