เศษซากของอดีต

เอ้า..เพิ่งจะรู้..

ประเทศไทยเราเคยเปิดบ่อน-เล่นการพนันเสรีมาแต่โบราณกาลโน่นแล้ว โดยคุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ได้ค้นหามาบอกว่า..

“ตั้งแต่สมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แม้จะได้เงินมามาก แต่ก็ต้องปิดลง เพราะทรงเห็นว่าการพนันเป็นโทษมากกว่าประโยชน์

แม้จะได้เงินเข้าคลังมาก แต่ก็มีคนหมดเนื้อหมดตัวมากมาย ได้ไม่คุ้มเสีย ใน พ.ศ.2481 ยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องการสร้างรายได้ มีการเปิดบ่อนพนันถึง 5 แห่ง

คือ เบตง หัวหิน ลพบุรี พิษณุโลก หนองคาย ต่อมาขยายไปสู่ 11 แห่ง สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงในปี พ.ศ.2483 เพราะคนไทยเล่นกันมาก จนเป็นหนี้เป็นสิน

ในปี พ.ศ.2490 ยุคนายควง อภัยวงศ์ ก็มีการเปิดบ่อนพนันเพื่อหารายได้ ได้เงินเข้ารัฐจำนวนมาก แต่ก็เหมือนเดิม เพราะคนไทยติดการพนัน มีหนี้สิน ถึงขนาดฆ่าตัวตาย

ต้องปิดตัวในปี พ.ศ.2491 เปิดได้เพียง 1 ปี”

พร้อมกันนี้คุณหมอวรงค์ยังได้เตือนคุณอุ๊งอิ๊งด้วยปรารถนาดี.. “กระแสต้านกาสิโนและพนันออนไลน์ รุนแรงมากจริงๆ และอย่าดื้อดึง..

รัฐบาลต้องฟังประชาชนนะครับ เพราะครั้งนี้จะไม่เหมือนประวัติในอดีต นอกจากผลกระทบจะรุนแรงกว่ามากแล้ว ถ้าเปิดแล้วจะปิดไม่ได้ เพราะไม่ใช่รัฐบาลเป็นผู้ทำ

แต่ให้เอกชนมาทำ การให้เอกชนมาทำจึงปิดยาก ดังนั้นพวกเราต้องไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมา ก่อนที่เราจะปิดไม่ได้”

ครับ..จะฟังพ่อหรือเชื่อคุณหมอวรงค์ก็เลือกเอา คุณอุ๊งอิ๊งมีครอบครัว มีลูกย่อมจะคิดได้ด้วยเหตุด้วยผล ว่าจะสร้างอนาคตแบบไหน-อย่างไรให้กับลูกหลานภายภาคหน้า?

บ่อนกาสิโนน่ะสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจก็จริง แต่ก็จริงอย่างคุณหมอวรงค์ว่า.. “ผลกระทบที่จะตามมา ทั้งสแกมเมอร์ การฟอกเงิน ยาเสพติด ค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์

อาชญากรรม หนี้สินประชาชน หรือแม้แต่การฆ่าตัวตาย สังคมอ่อนแอ ท่ามกลางการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ ทุจริตสินบนใต้โต๊ะ ขาดการส่งเสริมเรื่องศีลธรรมจรรยา”

คุณอุ๊งอิ๊งก็ลองนั่งคิดทบทวนสิว่า “ได้คุ้มเสีย” ไหม? หรือหากสมองมีไม่มาก ก็แค่นึกย้อนอดีต ถ้าเปิดบ่อนพนันแล้วประเทศชาติ ประชาชนเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย มีความสุขจริง..

ล้นเกล้าฯ ร.5, จอมพล ป., นายควง จะเลิกล้มกิจการบ่อนพนันลงทำไม..หือ?

อ้อ..ส่วนผม นั่งอ่านและทบทวนคำพูดของนายริชาร์ด เกรเนลล์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในผู้จัดการออนไลน์ที่ว่า..

เรดิโอฟรียุโรปและวอยซ์ออฟอเมริกา เป็นสื่อสารมวลชนที่จ่ายเงินโดยผู้เสียภาษีสหรัฐฯ พวกเขาคือสื่อมวลชนที่มีรัฐเป็นเจ้าของ

แต่สื่อมวลชนเหล่านี้กลับเต็มไปด้วยพวกนักเคลื่อนไหวซ้ายจัด ผมทำงานกับพวกนักข่าวเหล่านี้มานานหลายทศวรรษ มันเป็นเศษซากของอดีต

เราไม่ต้องการสื่อมวลชนที่จ่ายเงินโดยรัฐบาล อยู่หลายเที่ยว ทำให้นึกขึ้นได้ว่าประเทศไทยก็มีสื่อสารมวลชนประเภทนี้อยู่เช่นกัน

ยิ่งได้อ่านที่นายอีลอน มัสก์ เขียน.. ใช่แล้ว ปิดพวกเขาซะ เดี๋ยวนี้ยุโรปเป็นเสรีแล้ว ไม่มีใครฟังพวกเขาอีกต่อไป

เหลือแต่พวกคนซ้ายสุดขั้วบ้าๆ บอๆ ที่พูดกับตัวเอง ในขณะที่ผลาญเงินของผู้เสียภาษีสหรัฐฯ 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

ก็ยิ่ง..อืออ ไม่แต่เฉพาะสื่อสารมวลชนนี่หว่า.. “พวกคนซ้ายสุดขั้วบ้าๆ บอๆ” ก็มีอยู่แทบจะทุกวงการเมืองไทย โดยเฉพาะในสภา มี “ซากของอดีตซ้าย” ยั้วเยี้ยไปหมด

นอกจากมันผลาญภาษีปีไม่รู้กี่พัน-กี่หมื่นล้าน..

มันยังคิดจะล้มล้างสถาบันด้วยนะเออ?.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มันกำลังจะเป็น

แต่บังเอิญไปเห็นในเฟซบุ๊กของ “คุณอ้วน รีเทิร์น” กะเทยตัวแม่ที่โพสต์เข้า ก็เลยใคร่ขออนุญาตลอกมาให้ผู้อ่านได้รู้ ก็..รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ข้อความคุณอ้วนว่าอย่างนี้.. “ลำไย รวยขนาดไหน ค่าตัว 1.8 แสน ถึง 2 แสนต่องาน เดือนหนึ่งมี 50-60 งาน รายได้ 80-100 ล้านอย่างต่ำ

อย่าวางใจสทร.

อาการน่าเป็นห่วง! ไม่ได้หมายถึงแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ และก็ไม่ใช่นายทักษิณ พ่อนายกฯ ที่ตอนนี้หาความสุขอะไรไม่ได้เลย..

บทดีแต่ไม่ลื่นไหล

กูว่าแล้ว! ใครเชื่อก็เชื่อไป สำหรับผมไม่เชื่อมาตั้งแต่ต้น ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร คนเดียวนั้น จะจริงจัง เอาเป็น-เอาตาย

ตัวทำลายการเจรจา!

ลงไปกล่าวคำ “ขออภัย” แต่แทนที่เสียงปืน-เสียงระเบิดจะเพลาๆ หรือจางหูลง กลับกลายเป็นว่า หลังนายทักษิณ ชินวัตร-สทร. กลับขึ้นมากรุงเทพฯ..

ปัญหาข้าวแก้ง่าย?

นายทักษิณนี่ ตัวปัญหาจริงๆ.. ดูสิ..ทำตัวเป็นผู้มากบารมีเหนือรัฐบาล ตั้งตนเป็น สทร.-เสือกทุกเรื่อง แต่พอฝ่ายค้านบรรจุชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธารเข้าหน่อย

ต่อ-ไม่ต่อเรื่องของสู

ไม่รู้จะโทษใคร.. เพียงแต่จะขออนุญาตชี้แจงกับท่านผู้อ่านว่า บทความผมเมื่อวาน (ในเว็บไซต์) เนื้อหาได้หล่นหายไปย่อหน้าหนึ่ง ถ้าอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง-ไม่เข้าใจ ก็ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยละกัน!