ถ้าย้อนหลังตั้งแต่สมัยโอบามาจนล่าสุด จะเห็นว่ารัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐร่วมกันยกระดับความเข้มข้นสู่สงครามนิวเคลียร์ ตอนนี้นอกจากไต้หวันแล้วควรคิดถึงเกาหลีด้วย
หนึ่งสัปดาห์หลังรับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ประกาศนโยบาย “ปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโดยสมบูรณ์” (Complete denuclearization of North Korea) แม้ยังไม่มีรายละเอียด แต่เป็นนโยบายที่แตกต่างจากเดิมที่ให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์
ภาพ: ผู้นำเกาหลีเหนือตรวจเยี่ยมโรงงานเสริมสมรรถนะแร่นิวเคลียร์
เครดิตภาพ: http://www.rodong.rep.kp/en/index.php?MTVAMjAyNS0wMS0yOS1IMDAyQA==
เกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์:
รัฐบาลสหรัฐเชื่อมานานแล้วว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ ยังคงสะสมหัวรบและพัฒนาระบบปล่อยอาวุธ โดยเฉพาะระบบปล่อยทางบกกับเรือดำน้ำ
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (Stockholm International Peace Research Institute: SIPRI) ปี 2024 ประเมินว่าเกาหลีเหนือมี 50 หัวรบนิวเคลียร์ และมีวัสดุฟิสไซล์ที่สามารถสร้างอีก 40 หัวรบ คิดว่าขีปนาวุธพิสัยใกล้กับขีปนาวุธจรวดร่อนสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์
งานวิจัยร่วมของ The Asan Institute for Policy Studies กับ Rand Corp เห็นว่ารัฐบาลคิม จองอึน (Kim Jong-un) คงมีแผนสะสมนิวเคลียร์ 300-500 หัวรบ เฉพาะภายในปี 2030 น่าจะมีถึง 300 หัวรบ เกาหลีใต้ควรมีนิวเคลียร์ 100 ลูกเพื่อรับมือภัยดังกล่าว
ถ้าอิงงานวิจัยข้างต้น เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว รัฐบาลสหรัฐคงยอมรับไม่ได้หากสามารถพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์ที่ยิงไกลถึงอเมริกา ที่ผ่านมารัฐบาลคิมไม่หยุดที่จะพัฒนาและทดสอบอาวุธที่นับวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงสมเหตุผลถ้าจะคิดว่าในอนาคตจะมีขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์
ขยับจากระบบป้องกันเป็นติดตั้งนิวเคลียร์:
ย้อนหลังจากเหตุเกาหลีเหนือเริ่มมีอาวุธนิวเคลียร์ สมัยรัฐบาลโอบามาจึงเสนอติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเพื่อรับมือภัย ประธานาธิบดีปัก กึนฮเย (Park Geun-hye) ในตอนนั้นกล่าวว่า “ประชาคมโลกควรเข้าใจว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ไม่มีเจตนามุ่งเป้าต่อประเทศอื่นๆ หรือคุกคามประเทศอื่นๆ” ระบบ THAAD มีเพื่อต้านภัยจากเกาหลีเหนือเท่านั้น ในฐานะประธานาธิบดี เธอจำต้องปกป้องประเทศ
มีนาคม 2017 เจ้าหน้าที่สหรัฐเริ่มติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ Terminal High Altitude Area Defense (THAAD) ในเกาหลีใต้ หลัง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงเมื่อกรกฎาคมปีก่อน
นับจากนั้นเป็นต้นมาเกาหลีใต้มีระบบ THAAD ร่วมกับระบบป้องกันอื่นๆ มีไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีระบบนี้
ด้านกระทรวงกลาโหมจีนแถลงว่า “ฝ่ายจีนไม่พอใจอย่างยิ่งและขอคัดค้านเรื่องนี้อย่างรุนแรง” เพราะไม่ส่งเสริมให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดนิวเคลียร์และไม่ส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ การติดตั้งระบบอาวุธดังกล่าวจะยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อน กระทบต่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์จีน
สมัยรัฐบาลไบเดน เกาหลีใต้ประกาศเป็นพันธมิตรฐานนิวเคลียร์กับสหรัฐ
เดิมเกาหลีใต้เป็นพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐ มีฐานทัพอเมริกาถาวรพร้อมทหารอเมริกันกว่า 2 หมื่นนาย ข้อตกลงล่าสุดที่ทำในสมัยรัฐบาลยุน ซอกยอล (Yoon Suk-yeol) เป็นการยกระดับความเป็นพันธมิตรสู่พันธมิตรฐานนิวเคลียร์ ("Nuclear-based alliance") ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับสหรัฐยิ่งแน่นแฟ้น ด้วยเหตุผลว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์
จะเห็นว่ายกระดับจากมีระบบป้องกันขีปนาวุธสู่พันธมิตรฐานนิวเคลียร์ ทุกวันนี้เรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์สหรัฐจะเข้าเทียบท่าเกาหลีใต้ ยกตัวอย่าง กรกฎาคม 2023 เรือดำน้ำชั้น Los Angeles สามารถติดขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์โทมาฮอว์ก มาในเขตน่านน้ำเกาหลีใต้ ตามหลังเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ชั้น Ohio หลังจากห่างหายไป 42 ปี
ไม่เพียงเท่านั้น สมัยไบเดนความร่วมมือด้านนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นอีก คราวนี้รัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐตกลงร่วมมือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (Tactical nuclear weapon) 100 ลูก โดยที่เกาหลีใต้จะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่าย หัวรบเหล่านี้จะเก็บไว้ที่สหรัฐแต่สามารถนำมาประจำการที่เกาหลีใต้ถ้าจำเป็น
รวมความแล้ว รัฐบาลไบเดนต้องการให้เกาหลีใต้เป็นผู้จ่ายค่าอาวุธนิวเคลียร์ 100 ลูก แลกกับที่เกาหลีใต้ได้รับการปกป้องจากสหรัฐหากเกิดสงครามนิวเคลียร์
อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (Tactical nuclear weapon) ไม่อยู่ในกลุ่มอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ ผลการทำลายล้างไม่มากเท่าอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ ที่ใช้ปัจจุบันคือระเบิดนิวเคลียร์ B61-3 กับ B61-4 และกำลังแทนที่ด้วยรุ่น B61-12 ที่แม่นยำกว่าเดิม
ทรัมป์ขยับนโยบาย:
มกราคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศนโยบาย “ปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโดยสมบูรณ์” (Complete denuclearization of North Korea) อันที่จริงแล้วนโยบายนี้ไม่ใช่ของใหม่เสียทีเดียว รัฐบาลสหรัฐใช้คำนี้มาแล้วหลายปี ที่ต่างออกไปคือมีคำว่า “Complete”
ถ้ามองในกรอบแคบ สะท้อนว่าทรัมป์กำลังสกัดภัยคุกคามนิวเคลียร์ คราวนี้ไม่ใช่ด้วยการให้เกาหลีใต้มีนิวเคลียร์ แต่เป็นการให้เกาหลีเหนือปลอดอาวุธนิวเคลียร์ พูดง่ายๆ คือเกาหลีเหนือต้องไม่มีอาวุธนิวเคลียร์
ภายใต้นโยบายนี้เกาหลีใต้มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ห้ามเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์โดยเด็ดขาด และอาจห้ามมีโครงการที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เก็บสะสมยูเรเนียมสมรรถนะสูง ที่น่าคิดคือ อาจเป็นต้นเหตุนำสู่สงครามในอนาคต ล้มล้างระบอบเกาหลีเหนือ และอาจลามถึงจีน
ถ้าย้อนหลังตั้งแต่สมัยโอบามาจนล่าสุดจะเห็นว่ารัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐร่วมกันยกระดับความเข้มข้นสู่สงครามนิวเคลียร์
เกาหลีใต้ยังไม่ตีตราว่าฝ่ายเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์:
มกราคม 2025 กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ย้ำว่า รัฐบาลยังไม่มองว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ เป็นท่าทีที่เกาหลีใต้ยึดถือเรื่อยมา อธิบายว่าภายใต้สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty: NPT) เกาหลีเหนือไม่อยู่ในเกณฑ์รัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์ (A nuclear-armed state)
เรื่องนี้ขัดแย้งกับท่าทีของสหรัฐที่ชี้ว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์มานานแล้ว นโยบายต่อเกาหลีเหนือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ระดับภัยคุกคามจะสูงขึ้นมากถ้ารัฐบาลเกาหลีใต้ชี้เกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์จริง
อนึ่ง รัฐบาลเกาหลีเหนือยืนยันมานานแล้วว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ เคยทดสอบจุดระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อปี 2006 และทำการทำสอบอีกหลายครั้ง แต่จนบัดนี้บางประเทศยังไม่ยอมรับว่าเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้การได้จริง (การทดสอบจุดระเบิดกับการมีอาวุธที่ใช้การได้จริงเป็นคนละเรื่อง)
ประเด็นเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้การได้จริงเป็นที่ถกเถียงกันมานาน ไม่มีข้อสรุปที่ลงตัว
เกาหลีจะกลายเป็นยูเครน 2 หรือไม่:
นับจากเกิดสงครามยูเครนที่เป็นสงครามตัวแทนระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับพวก กับอีกฝ่ายคือรัสเซีย นักวิเคราะห์หลายคนถามถึงประเทศใดจะเป็นรายต่อไป ในสมัยไบเดนหลายคนคิดถึงไต้หวันในสมัยรัฐบาลไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) ตอนนี้นอกจากไต้หวันแล้วควรคิดถึงเกาหลีด้วย
ถ้าวิเคราะห์รอบด้าน คราวนี้จะเป็นสงครามตัวแทนระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับพวก กับอีกฝ่ายคือจีน โดยรัฐบาลทรัมป์จะระงับหรือลดความเข้มข้นทางฝั่งยุโรป หันมาเปิดศึกในฝั่งคาบสมุทรเกาหลีแทน เพื่อเจาะจงเล่นงานจีน หรืออาจเป็นการข่มขู่คุกคามเพื่อต่อรองจีน
ณ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธงว่า “เกาหลีกำลังจะกลายเป็นยูเครน 2 หรือไม่” แต่เป็นประเด็นที่น่าติดตาม นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อเรื่องยูเครน 2 สหรัฐน่าจะมียุทธศาสตร์ทำสงครามกับจีน ช้าหรือเร็วเท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (2)
Russian Foreign Policy Concept 2023 สะท้อนมุมมองสถานการณ์โลก โดยเฉพาะส่วนที่รัสเซียกำลังเผชิญ วิสัยทัศน์อนาคตโลก
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (1)
Russian Foreign Policy Concept 2023 มีรายละเอียดมาก ช่วยให้เข้าใจนโยบายต่างประเทศรัสเซียได้เป็นอย่างดี
จับตาเกาหลีจะกลายเป็นยูเครน2หรือไม่ (2)
ปัจจัยรัสเซียเป็นข้อโต้แย้งว่าเกาหลีเหนือไม่น่าจะเป็นยูเครน 2 ถ้าตีความว่าฝ่ายเหนือมีนิวเคลียร์ รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศเรื่อยมาว่าพร้อมใช้เพื่อป้องกันประเทศ
กำแพงภาษีทรัมป์2.0ไม่ใช่ทางออก
ที่น่าคิดคือ ทรัมป์น่าจะได้รับคำเตือนมาก่อนแต่ยังยืนยันเดินหน้าตั้งกำแพงภาษี คนอเมริกันต้องตรวจสอบว่าทรัมป์ 2.0 จะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งจริงหรือไม่
วิพากษ์สุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งครั้งที่2ของโดนัลด์ ทรัมป์
ยุคทองสหรัฐเริ่มต้นแล้ว ประเทศจะรุ่งเรือง นานาชาติเคารพนับถือ น่าคิดว่าถ้าสหรัฐถอยห่างจากประชาธิปไตยกับการค้าเสรี เช่นนี้ควรเรียกประเทศนี้ว่าอย่างไร
ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่
อิทธิพลทางการเมืองของพวกนายทุนคนรวยเป็นต้นตอปัญหา เป็นความท้าทายของสังคมที่ต้องร่วมกันแก้ไข ลำพังการปกครองไม่ชี้ว่าจะลดหรือสร้างความเหลื่อมล้ำ