ตาสว่างกันเสียที

การเมืองวันนี้ไม่ใช่เหมือน 20 ปี ที่แล้ว  ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย จะพูดจาอะไร หรือหลอกลวงชาวบ้านได้ง่ายๆ เหมือนเดิม เพราะบัดนี้ทุกคนน่าจะตื่นกันได้แล้วว่า  “นายใหญ่”  ทำวีรกรรมแก่ประเทศอะไรมาบ้าง และหายไป 17 ปีเพราะเหตุอะไร   

เช่นการปราศัยหาเสียง ที่จ.ศรีสะเกษ  เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่พยายามดิสเครดิตพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ เพื่อให้คนของตัวเองได้แต้ม หวังอำนาจต่อรองทางการเมืองให้แก่ครอบครัวชินวัตร กลับมายิ่งใหญ่คับประเทศเหมือนเดิม  

โดยไม่สนใจว่า คุณสมบัติของผู้สมัครนายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นอย่างไร  เพราะเลือกตั้งปี 66 ที่ผ่านมา ยังไม่ชนะเลือกตั้งสส.ระดับเขตเลย  

แต่พรรคเพื่อไทยกลับเลือกให้มาทำงานดูแลคนทั้งจังหวัด   เสมือนว่าอะไรที่เป็นของ  “ทักษิณ” เลือกมาถือว่าถูกต้องหมด ขอมีป้ายนายใหญ่ ประทับไว้ก็พอ  

อีกทั้งยังฉายหนังซ้ำ ผุดวาทกรรม “ไล่หนู ตีงูเห่า”  หวังหลอกลวงชาวบ้านซ้ำ แต่สุดท้ายถูกชาวโซเชียลฯจับได้ไล่ทัน 

ในเวลาต่อมามีการแชร์ภาพข่าวการร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย และมีการแชร์ภาพการตีกอล์ฟระหว่างนายทักษิณ และ  “อนุทิน ชาญวีรกูล“ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลายครั้ง

โดยผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายรายโพสต์ในทำนองตั้งคำถาม "จะไล่หนูกี่โมง" "ตาสว่างกันสักทีเถอะ พี่น้องชาวศรีสะเกษ" เพราะ  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายอนุทิน ก็จับมือกันเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่นายทักษิณพูดว่าจะไล่หนูตีงูเห่า

ตอกย้ำด้วย “นายกฯอิ๊งค์ ”  ตอบถึงเรื่องไล่หนูตีงูเห่า ว่า  “ให้มองเรื่องนี้เหมือนกีฬา ... การลงแข่งเลือกตั้งท้องถิ่นก็ถือว่าเป็นคนละพรรคกัน อันนี้ชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องงง เพราะเราคนละพรรคอยู่แล้ว แต่เราเป็นรัฐบาลเดียวกัน เป็นรัฐบาลหลายพรรค”

จะชนะทางการเมืองเพียงอย่างเดียว  โดยไม่เคารพประชาชน ก็หวังว่าพี่น้อง...จะตาสว่างกันเสียที  

 

 

ช่างสงสัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โหวตตามลุงป้อม

ผ่านไปแล้วสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 2 วันเต็มๆ เสียงไว้วางใจฝ่ายรัฐบาลท่วมท้น แถมได้งูเห่ามาโปะอีกหลายตัว

“ศรีสะเกษยั่งยืน”

จังหวัดศรีสะเกษถือเป็นยุทธศาสต์สำคัญทางการเมือง หากพรรคใดช่วงชิงได้ ก็มีโอกาสจะขยายความนิยมครองพื้นที่ในดินแดนอีสานใต้

"กีกี้" เป็นเหตุวุ่นวายทั้งสภา

กลายเป็นประเด็นร้อนฮือฮากลางวงประชุมขึ้นมาทันที เมื่อ”วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดประเด็นร้อนระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2568 โดยเปรียบ

“ไม่เป็นความจริง”

เริ่มวันแรกของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องมีความตื่นเต้นกันเป็นปกติ แต่จากที่ดูบรรยากาศในศึกซักฟอกครั้งนี้ หลายคนมองว่าไม่เหมือนกับปีก่อนๆ บรรยากาศดูไม่ค่อยเข้มข้น แต่ก็มีความพยายามสร้างบรรยากาศให้ดูฮึกเหิม

มุ่งมั่นเพื่อบ้านโป่ง

ก่อนถึงวันเปิดศึกโหมโรงเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เริ่มขึ้นวันแรก 24 มีนาคม ที่ทั้งฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านต่างเตรียมตัว เตรียมข้อมูลขึ้นจ้อบนเวที และคาดว่าจะดุเด็ดเผ็ดมันไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันในการขับเคลื่อนงานในสภาเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนยังเดินหน้าต่อ

เดี๋ยวโดนปลด

ต้องบอกว่า ลดโทนดุดันกว่าตอนเป็น สส.ไปเยอะ สำหรับ เสี่ยยุ-จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีต สส.กทม. เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย