กลางเดือนกันยายน CNN รายงานผลโพลของตนที่ทำโดย SSRS ระบุว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ (56%) เห็นว่าประชาธิปไตยของประเทศกำลังถูกทำลาย 51% คิดว่ากรรมการเลือกตั้งสามารถเปลี่ยนผลเลือกตั้งให้ออกมาอย่างที่พวกเขาต้องการ
พวกที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่จะคิดเช่นนั้น โดยเฉพาะคนที่สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้าดูผู้ตอบโพลในแง่การสนับสนุนพรรค 75% ของพวกรีพับลิกันจะสรุปว่าประชาธิปไตยประเทศกำลังถูกทำลาย เทียบกับ 46% ของพวกเดโมแครตที่คิดเช่นนั้น
พวกสนับสนุนพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ต้องการให้ทรัมป์เป็นผู้นำพรรค คนเหล่านี้ใจตรงกับทรัมป์ที่อ้างว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (2020) ตนไม่ได้แพ้แต่โดนโกงเลือกตั้ง จนถึงวันนี้ทรัมป์ยังยืนว่าเขาไม่ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยเพราะโดนโกงเลือกตั้ง
เรื่องแปลกแต่จริงคือ ผลโพล CNN นี้พบว่าคนอเมริกัน 23% กล่าวว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าไบเดนไม่ได้ชนะเลือกตั้ง และอีก 13% สงสัยว่าไบเดนไม่ได้ชนะเลือกตั้ง (รวมแล้วกว่า 46% ที่พูดหรือสงสัยว่าไบเดนไม่ได้ชนะเลือกตั้ง) เมื่อศึกษาลงรายละเอียด 78% ของพวกรีพับลิกันกล่าวว่าไบเดนไม่ได้ชนะเลือกตั้ง และมีถึง 54% ที่พูดว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นเช่นนั้น 21% ของรีพับลิกันเท่านั้นที่ยอมรับว่าไบเดนชนะอย่างโปร่งใส
พวกเดโมแครตกับสายกลางคิดทำนองนี้เช่นกัน 52% ของทั้ง 2 กลุ่มไม่เชื่อว่าระบบการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมอีกแล้ว ขยับเพิ่มจากโพลเดือนมกราคมที่ 40%
ถ้าแยกรายกลุ่ม 69% ของเดโมแครตยังเชื่อว่าระบบการเลือกตั้งโปร่งใส 46% ของพวกไม่สังกัดพรรค และ 24% ของพวกรีพับลิกันที่เห็นว่าเลือกตั้งโปร่งใส
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงระเบียบ ข้อบังคับการเลือกตั้งระดับรัฐเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง รัฐที่พวกรีพับลิกันครองมักจะเพิ่มความเข้มงวด ตรงข้ามกับรัฐที่เดโมแครตครองมักลดความเข้มงวดด้วยเหตุผลป้องกันโรคระบาดโควิด-19
ที่น่าสนใจคือ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (58%) เห็นว่าเป้าหมายหนึ่งของการเปลี่ยนกฎระเบียบรัฐที่รีพับลิกันครองคือเพื่อให้ฝ่ายตนได้เปรียบ ทำนองเดียวกับ 53% ที่บอกว่ารัฐเดโมแครตเปลี่ยนกฎระเบียบเลือกตั้งเพื่อเอื้อผู้สมัครของตน
ย้อนหลังเลือกตั้งปลายปี 2020 ตอนนั้นโควิด-19 ระบาดหนัก ทุกรัฐพยายามปรับวิธีลงคะแนนเพื่อลดการแพร่ระบาดซึ่งเป็นการส่งเสริมให้คนไปเลือกตั้ง หนึ่งในวิธีที่ทำคือการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ ทรัมป์กล่าวหาตั้งแต่แรกว่าเป็นกลโกงเลือกตั้งของเดโมแครต ประกาศตัดงบประมาณการไปรษณีย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (The United States Postal Service: USPS) ขัดขวางการลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์
ในขณะที่บางรัฐเพิ่มระเบียบลงทะเบียนเลือกตั้งว่าต้องเป็นผู้อยู่อาศัยในรัฐเป็นเวลานานเท่านั้น หรือมีระเบียบยิบย่อยเพิ่ม ทำให้คนต่างถิ่นเสียสิทธิเลือกตั้งเพราะรัฐบ้านเกิดอยู่ไกล ไม่สะดวกเดินทางในช่วงโรคระบาด ไม่เข้าเกณฑ์เลือกตั้งในคูหาใกล้ที่อยู่ปัจจุบัน นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่าไม่ว่ารัฐใดใช้วิธีไหนล้วนผ่านการวิเคราะห์แล้วว่าจะเอื้อผู้สมัครฝ่ายตน
ตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้ง ช่วงนับคะแนนในแต่ละรัฐ จนถึงประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ มีสัญญาณเกิดความรุนแรงต่อเนื่อง ทรัมป์กับพวกรีพับลิกันที่สนับสนุนทรัมป์ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง บัดนี้ผ่านมาเกือบปี ไม่เฉพาะรีพับลิกันที่เห็นว่าเลือกตั้งอเมริกาโกงอย่างเป็นระบบ พวกเดโมแครตเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้มากขึ้นเช่นกัน
คนอเมริกันไม่ไว้ใจระบบการเลือกตั้ง:
สหรัฐเลือกตั้งมาแล้วกว่า 240 ปี ประชาธิปไตยพัฒนามาเรื่อยๆ แต่ในระยะหลังมีข้อตำหนิติเตียนระบบการเลือกตั้งอย่างรุนแรงว่าไม่โปร่งใส คนโกงชนะเลือกตั้ง
แม้เป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากหลักฐาน (หลักฐานตามหลักวิชาการ ศาลยอมรับ) แต่เป็นเรื่องร้ายแรงเมื่อคนอเมริกันครึ่งหนึ่ง (51%) คิดว่ากรรมการเลือกตั้งสามารถเปลี่ยนผลการเลือกตั้งตามใจชอบ และทำสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
การเลือกตั้งสหรัฐมีระบบตรวจสอบชัดเจนและทันสมัย ในการเลือกตั้งปี 2020 กรรมการเลือกตั้ง ศาลท้องถิ่น (เฉพาะรัฐที่มีปัญหา) ทั้งหมดสรุปว่า โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้งตามกฎหมาย การที่ผลโพลของ CNN ระบุว่าคนอเมริกันครึ่งหนึ่ง (51%) คิดว่ากรรมการเลือกตั้งสามารถเปลี่ยนผลการเลือกตั้งตามใจชอบ นำสู่คำถามว่ากรรมการเลือกตั้งกับศาลเชื่อถือได้แค่ไหน หรือกลไกเหล่านี้ไม่สามารถสร้างการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรคนอเมริกันครึ่งหนึ่งไม่เชื่อถือ
คิดให้ลึกกว่านั้น การบิดเบือนผลเลือกตั้งนำสู่คำถามว่าใครคือผู้มีอำนาจควบคุมผลการเลือกตั้ง ใครเป็นผู้กำหนดว่าผู้สมัครคนไหนควรชนะ เรื่องที่พูดกันมากคือ อเมริกามีหลายพรรคการเมือง แต่ อำนาจระดับประเทศตกอยู่ใน 2 พรรคใหญ่เท่านั้น เป็นที่รวมตัวของชนชั้นนำไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นายทุน เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าบางนโยบาย เช่น อุตสาหกรรมน้ำมัน อุตสาหกรรมผลิตและส่งออกอาวุธ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไม่ว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรครีพับลิกันหรือเดโมแครต
ดังนั้น สำหรับนายทุนใหญ่ไม่ว่าผู้สมัครพรรคใดชนะก็ไม่แตกต่าง เป็นไปได้ว่าอาจมีการ “ฮั้ว” ผลการเลือกตั้งแม้ปราศจากหลักฐานเรื่องนี้
และต้องยอมรับว่าแม้คนอเมริกันหลายสิบล้านคนไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้ง ไม่พอใจผลการเลือกตั้ง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
ในภาพที่กว้างขึ้นอีก ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐมักโทษประเทศนั้นประเทศนี้ที่เห็นว่าเลือกตั้งไม่โปร่งใส ไม่ยอมรับรัฐบาลของประเทศอื่นๆ ที่มาจากการโกงเลือกตั้ง บัดนี้กลายเป็นว่าประเทศสหรัฐนี่แหละที่เลือกตั้งไม่โปร่งใส พลเมืองตัวเองไม่เชื่อถือ เป็นประเด็นให้สังคมได้ถกเถียงกันอีกนานว่าประชาธิปไตยของตนถอยหลังเข้าคลองถึงไหนแล้ว
ระบบความคิดความเข้าใจมีปัญหา:
อีกแง่คิดที่สำคัญไม่แพ้ผลการเลือกตั้งคือ ระบบความคิดตรรกะ คณะกรรมเลือกตั้งกับผู้พิพากษาหลายรัฐต่างได้สืบสวนและสรุปว่าเลือกตั้งปี 2020 แม้มีข้อผิดพลาดจริง แต่เป็นข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่การโกงอย่างเป็นระบบ เกิดคำถามว่าข้อสรุปใดที่ถูกต้องกันแน่ เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบความคิดความเข้าใจของคนหมู่มากในสังคม เป็นที่มาของการถกเถียงไม่จบไม่สิ้นว่าโกงหรือไม่โกง
เป็น 2 คำถามใหญ่ว่าระบบเลือกตั้งเชื่อถือได้แค่ไหน และ ระบบความคิดความเข้าใจของสังคมอเมริกันในตอนนี้เป็นอย่างไร ใช้ตรรกะเหตุผลแค่ไหน หากคนอเมริกันจำนวนมากมีปัญหาเรื่องการคิดการใช้เหตุผลจะนำสู่อะไร สังคมอเมริกันในภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไร ข้อนี้เป็นเรื่องใหญ่ สำคัญไม่แพ้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
เรื่อง China Virus เป็นอีกตัวอย่าง ในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ พูดเรื่อยมาว่าจีนเป็นต้นเหตุเกิดไวรัสโรคโควิด-19 เกิดคำว่า “China Virus” รัฐบาลทรัมป์พูดว่ามีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อองค์การอนามัยโลกขอหลักฐาน จากบัดนั้นจนบัดนี้เป็นสมัยไบเดน รัฐบาลสหรัฐไม่เคยส่งหลักฐานที่ว่าให้องค์การอนามัยโลกแต่อย่างใด
โควิด-19 เป็นฝีมือของมนุษย์หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง ประเด็นน่าคิดคือเรื่องนี้เหมือนกับเรื่องผลการเลือกตั้ง 2020 ที่คนอเมริกันจำนวนหลายสิบล้านคนฟันธงว่าทรัมป์โดนโกงเลือกตั้ง สะท้อนระบบความคิด การใช้เหตุผลของคนอเมริกันหลายสิบล้านคน
วิเคราะห์องค์รวมและสรุป:
โดยรวมแล้วผลโพล CNN ชี้ว่าคนอเมริกันเชื่อถือระบบการเลือกตั้งน้อยกว่าเดิม แม้กระทั่งพวกเดโมแครตที่ก่อนหน้านี้เกือบทั้งหมดมั่นใจ (อาจเพราะว่าไบเดนชนะ) แต่ตอนนี้คนที่มั่นใจเหลือน้อยลงหลังรับรู้ข้อมูลมากขึ้น
ถ้าดูรวมทุกฝ่าย คนอเมริกัน 52% ไม่เชื่อมั่นหรือเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยต่อผลการเลือกตั้ง 48% ที่เชื่อมั่นหรือเชื่อมั่นมากว่าผลการเลือกตั้งสะท้อนความคิดประชาชน
อาจตีความสั้นๆ ว่า ครึ่งหนึ่งเชื่อระบบการเลือกตั้งว่าโปร่งใสยุติธรรม และอีกครึ่ง (หรือเกินครึ่งเล็กน้อย) เห็นว่าเลือกตั้งทุจริต แก้คนชนะให้แพ้หรือคนแพ้ให้ชนะ โกงกันเป็นระบบ นี่คือความคิดเห็นของพลเมืองอเมริกันต่อระบบการเลือกตั้ง ในขณะที่ข้อมูลหลักฐาน กรรมการเลือกตั้ง ศาล ต่างสรุปตรงกันว่าไม่มีการโกงอย่างเป็นระบบตามที่เข้าใจ นี่คือสถานการณ์การเลือกตั้งของอเมริกาในยามนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
2024สงครามกลางเมืองซีเรียระอุอีกครั้ง
สงครามกลางเมืองที่ดำเนินมาเกือบ 14 ปียังไม่จบ สาเหตุหนึ่งเพราะมีรัฐบาลต่างชาติสนับสนุนฝ่ายต่อต้านกับกลุ่มก่อการร้าย HTS เป็นปรากฏการณ์ล่าสุด
ฮิซบุลเลาะห์-อิสราเอลจากเริ่มรบสู่หยุดยิง
ถ้าคิดแบบฝ่ายขวา อิสราเอลที่หวังกวาดล้างฮิซบุลเลาะห์ การสงบศึกตอนนี้ไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ และฮิซบุลเลาะห์กำลังเปลี่ยนจุดยืนหรือ
เส้นทางสายไหมตะวันออกแห่งศตวรรษที่21
BRI จะเป็นแค่การพัฒนาร่วมหรือเป็นยุทธศาสตร์ครองโลกของจีนเป็นที่ถกแถลงเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนานาชาติเฝ้าติดตาม จริงหรือเท็จกาลเวลาจะให้คำตอบ
ท่าทีความมั่นคงของเนทันยาฮู2024 (2)
เนทันยาฮูย้ำว่า อิสราเอลหวังอยู่ร่วมกับนานาชาติโดยสันติ แต่กระแสโลกต่อต้านอิสราเอลส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของอิสราเอล นโยบายกับความจริงจึงย้อนแย้ง
ท่าทีความมั่นคงของเนทันยาฮู 2024 (1)
บัดนี้สถานการณ์ชี้ชัดแล้วว่าอิสราเอลกำลังจัดการฮิซบุลเลาะห์ต่อจากฮามาส ทำลายอิหร่านกับสมุนให้เสียหายหนัก
เลือกตั้งสหรัฐ2024เลือกสังคมนิยมหรือฟาสซิสต์
ทรัมป์ชี้ว่าแฮร์ริสเป็นพวกสังคมนิยม ส่วนแฮร์ริสชี้ว่าทรัมป์เป็นเผด็จการ สหรัฐกำลังเข้าสู่การเลือกระหว่าง “สังคมนิยม” กับ “ฟาสซิสต์”