ยุคทองสหรัฐเริ่มต้นแล้ว ประเทศจะรุ่งเรือง นานาชาติเคารพนับถือ น่าคิดว่าถ้าสหรัฐถอยห่างจากประชาธิปไตยกับการค้าเสรี เช่นนี้ควรเรียกประเทศนี้ว่าอย่างไร
สุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่ง (Inauguration address) ครั้งที่ 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2025 มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
ทรัมป์เริ่มต้นด้วยการชี้ว่ายุคทองสหรัฐเริ่มต้นแล้ว ประเทศจะรุ่งเรือง นานาชาติเคารพนับถือ จะไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบสหรัฐอีกต่อไป ยึดหลัก America first สร้างชาติที่น่าภาคภูมิใจ มั่งคั่งและเสรี อเมริกาจะพิเศษแตกต่างมากยิ่งกว่าเดิม (far more exceptional)
ภาพ: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 2025
เครดิตภาพ: https://www.whitehouse.gov/
ท่ามกลางความท้าทายนานัปการ คนไม่เชื่อถือรัฐบาล กลุ่มทรงอำนาจ (establishment) เก็บเกี่ยวอำนาจกับความมั่งคั่งจากพลเมืองของเรา เสาหลักสังคมเสียหายหนัก บริการสาธารณะไม่เพียงพอ ระบบสาธารณสุขขาดประสิทธิภาพ งบประมาณจำนวนมากใช้ในต่างประเทศ ระบบการศึกษายังต้องปรับปรุง
นับจากวันนี้ยุคอเมริกาเสื่อมถอยจบแล้ว รัฐบาลจะทำให้ประเทศเข้มแข็งมีประสิทธิภาพ คนจงรักภักดีต่อรัฐบาล
Make America Great Again:
ประธานาธิบดีทรัมป์มั่นใจว่าจะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง (to make America great again) จะยึดมั่นชาติ รัฐธรรมนูญ และพระเจ้า
วันนี้ตนใช้อำนาจประธานาธิบดีจัดการหลายเรื่อง เช่น คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะส่งคนพวกนี้หลายล้านคนออกนอกประเทศ จัดการกลุ่มอาชญากรต่างๆ แก้ปัญหาเงินเฟ้อ สินค้าแพงทันที ผลิตพลังงานในประเทศมากขึ้นเพื่อลดราคาน้ำมัน อันจะช่วยลดต้นทุนสินค้าต่างๆ
อุตสาหกรรมในประเทศจะฟื้นตัวอีกครั้ง ส่งพลังงานออกขายทั่วโลก ปกป้องอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า จะยกเครื่องระบบการค้าเพื่อปกป้องแรงงานอเมริกัน จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้า เก็บภาษีจากต่างชาติเพื่อให้คนของเราร่ำรวย
จะระงับมาตรการเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้มีเสรีภาพในการพูด การแสดงออก บังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง ไม่เลือกปฏิบัติ คนอเมริกันจะมีเพียง 2 เพศ คือชายกับหญิงเท่านั้น สร้างสังคมที่ยึดถือ merit based (ตีค่าบนคุณความดี ความสามารถหรือผลงาน)
สหรัฐจะไม่เพียงชนะสงครามเท่านั้น แต่จะหยุดสงครามที่ไม่ต้องการด้วย ตนจะเป็นผู้นำที่สร้างสันติและเอกภาพ
สหรัฐจะกลับมาเป็นชาติยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงพลังมากสุด และนานาชาติให้ความเคารพสูงสุด
จะนำคลองปานามา (Panama Canal) กลับมาเป็นของสหรัฐ เพราะปานามาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ เรืออเมริกาต้องจ่ายค่าบริการมากเกินควร ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม อีกทั้งจีนกำลังบริหารจัดการคลองปานานา เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ เมื่อเราให้คลองนี้แก่ปานามา ตอนนี้เราจะเอาคืนกลับมาควบคุม
นอกจากนั้นรัฐบาลจะสร้างชาติให้เติบใหญ่ ขยายอาณาเขต สร้างเมืองและปักธงชาติของเราในดินแดนใหม่ รวมถึงการส่งคนของเราไปดาวอังคาร
เหล่านี้คือสายเลือดของชาติมหาอำนาจ บัดนี้ประเทศของเรามุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าหนักแน่นกว่าเดิม ไม่มีอะไรที่คนอเมริกันทำไม่ได้ ตัวท่านคือตัวอย่างอเมริกันชนผู้ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริง
สหรัฐคือชาติยิ่งใหญ่ ชนะสงครามโลก 2 ครั้ง ชนะเผด็จการ (fascism) ชนะคอมมิวนิสต์ บัดนี้ขอเพียงทุกคนร่วมมือร่วมใจ เราจะฟื้นฟูชาติ ข้าพเจ้าจะยืนเคียงข้างท่าน ทำงานร่วมกับท่าน สร้างประเทศให้ยิ่งใหญ่เป็นที่นับถืออีกครั้ง สร้างชาติให้พิเศษแตกต่างเต็มตัว (full of exceptionalism) เป็นที่น่าชื่นชม มั่งคั่ง น่าภูมิใจ เรากล้าฝันและจะทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ยุคทองอเมริกาเริ่มขึ้นแล้ว
วิพากษ์:
ประการแรก น่าชื่นชมที่จะสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่
สหรัฐเป็นมหาอำนาจโลกอยู่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการสร้างให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม พัฒนาประเทศทุกด้าน ให้นานาชาติชื่นชม รวมทั้งจัดการประเด็นระหว่างประเทศที่คิดว่าเสียเปรียบ เช่น เรื่องการค้า คลองปานามา
ต้องยอมรับว่าสหรัฐสามารถรักษาความเป็นมหาอำนาจได้ยาวนาน คือตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1945 หรือราว 80 ปีแล้ว ข้อนี้ผู้นำประเทศมีส่วนสำคัญมาก สามารถเอาชนะอุปสรรคมากมาย ดังที่ท่านเอ่ยถึงสงครามโลก เอาชนะลัทธิคอมมิวนิสต์ และคาดว่าความเป็นมหาอำนาจน่าจะคงอยู่อีกนาน
บ่อยครั้งที่ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐแสดงออกผ่านผู้นำประเทศ
ประการที่ 2 ยึดมั่นรัฐธรรมนูญ
ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ต้องยึดกฎหมาย ผู้นำประเทศจะละเมิดรัฐธรรมนูญไม่ได้ ประธานาธิบดีเอ่ยถึงให้เสรีภาพการพูด การแสดงออก ข้อนี้เป็นมาตราหนึ่งในรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่หลายคนวิพากษ์คือ การยึดรัฐธรรมนูญหมายถึงประธานาธิบดีต้องยึดถือประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมาทรัมป์ถูกวิพากษ์อย่างหนักในความไม่เป็นประชาธิปไตยของท่าน
มีนาคม 2024 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวใน “คำแถลงนโยบายประจำปี” (State of the Union) ว่า ประชาธิปไตยอเมริกากำลังสะเทือนจากผู้ที่ไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบเมื่อ 6 มกราคม 2020 (หมายถึงทรัมป์) เป็นภัยร้ายแรงต่อประชาธิปไตย
ประธานาธิบดีไบเดนพูดอยู่เสมอว่าทรัมป์กับ MAGA Republicans (พวกที่สนับสนุนทรัมป์อย่างเข้มข้น) เป็นพวกสุดโต่ง (an extremism-ไม่ใช่พวกประชาธิปไตย) เป็นพวกนิยมความรุนแรง จงเกลียดจงชัง สร้างความแตกแยก ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ไม่เชื่อหลักนิติธรรม รวมความแล้ว ตีตราว่าเป็นพวกกึ่งเผด็จการ (semi-fascism) คุกคามบั่นทอนประชาธิปไตย
ประเด็นความไม่เป็นประชาธิปไตยถูกวิพากษ์หนักตั้งแต่ทรัมป์สมัยแรก และจะถูกติดตามใกล้ชิดในทรัมป์ 2.0 นี้
ประการที่ 3 American exceptionalism
American exceptionalism คือ ลัทธิเชื่อว่าอเมริกาพิเศษเหนือชาติอื่น เป็นทัศนคติ ความเชื่อที่ปรากฏในสังคมอเมริกามานานหลายทศวรรษแล้ว ในเชิงนโยบายต่างประเทศจะหมายถึงเป็นชาติที่มีหน้าที่เป็นเสาหลักเสรีภาพของโลก ความเป็นมหาอำนาจของอเมริกาเป็นประโยชน์ต่อประชาคมโลกเนื่องจากเป็นชาติประชาธิปไตย แตกต่างจากมหาอำนาจอื่นๆ ในประวัติศาสตร์
จะยึดว่าการเข้าแทรกแซงประเทศอื่นเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย หรือการใช้กำลังทหารเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาเป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรม แม้นานาชาติไม่เห็นด้วยก็ตาม
การที่ทรัมป์ประกาศว่าจะสร้างชาติให้พิเศษแตกต่างเต็มตัว (full of exceptionalism) จึงเป็นเรื่องเดียวกับการทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง สอดคล้องกับการนำคลองปานามากลับมาเป็นของสหรัฐ เอ่ยเรื่องการขยายดินแดน
ประการที่ 4 คำมั่นสัญญาที่จะถูกตรวจสอบ
สุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งเป็นคำมั่นสัญญาในวันแรกของตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากนี้คือการตรวจสอบการทำงานว่าสอดคล้องกับคำสัญญาหรือไม่ ถ้อยคำเหล่านี้เมื่อแปลงเป็นนโยบายมีผลทางปฏิบัติอย่างไร
ยกตัวอย่างเรื่องแก้ปัญหาเงินเฟ้อซึ่ง IMF กับนักเศรษฐศาสตร์จากหลายสถาบันเตือนว่าการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า จำกัดแรงงานต่างด้าว จะเป็นสาเหตุหลักให้เงินเฟ้อพุ่ง นโยบายของทรัมป์จึงย้อนแย้ง (แก้เงินเฟ้อด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ขับคนต่างด้าวผิดกฎหมายออกนอกประเทศ) หลังจากนี้หลายคนจะตรวจสอบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
นโยบายย้อนแย้งเป็นเรื่องน่าสนใจ ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกหรือผิด และจะมีคำถามตามมาอีกมาก
ถ้าเทียบกับสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งครั้งแรกเมื่อปี 2017 พบว่าโครงสร้างกับเนื้อหาคล้ายกันหลายส่วน (บทความ “วิพากษ์สุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์”) เรื่องที่ควรติดตามคือ รัฐบาลสหรัฐจะยึดถือเสรีประชาธิปไตยมากแค่ไหน (ถ้าตีความว่าทรัมป์ไม่ยึดถือสักเท่าไหร่) หลักการค้าเสรีที่นับว่าจะหันหลังให้ ลำพังคำว่าการค้ายุติธรรมก็ไม่ใช่การค้าเสรีอย่างที่ตำราตะวันตกพร่ำสอนให้นานาชาติปฏิบัติตาม น่าคิดว่าถ้าสหรัฐถอยห่างจากประชาธิปไตยกับการค้าเสรี เช่นนี้ควรเรียกประเทศนี้ว่าอย่างไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (1)
Russian Foreign Policy Concept 2023 มีรายละเอียดมาก ช่วยให้เข้าใจนโยบายต่างประเทศรัสเซียได้เป็นอย่างดี
จับตาเกาหลีจะกลายเป็นยูเครน2หรือไม่ (2)
ปัจจัยรัสเซียเป็นข้อโต้แย้งว่าเกาหลีเหนือไม่น่าจะเป็นยูเครน 2 ถ้าตีความว่าฝ่ายเหนือมีนิวเคลียร์ รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศเรื่อยมาว่าพร้อมใช้เพื่อป้องกันประเทศ
กำแพงภาษีทรัมป์2.0ไม่ใช่ทางออก
ที่น่าคิดคือ ทรัมป์น่าจะได้รับคำเตือนมาก่อนแต่ยังยืนยันเดินหน้าตั้งกำแพงภาษี คนอเมริกันต้องตรวจสอบว่าทรัมป์ 2.0 จะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งจริงหรือไม่
จับตาเกาหลีจะกลายเป็นยูเครน 2 หรือไม่ (1)
ถ้าย้อนหลังตั้งแต่สมัยโอบามาจนล่าสุด จะเห็นว่ารัฐบาลเกาหลีใต้กับสหรัฐร่วมกันยกระดับความเข้มข้นสู่สงครามนิวเคลียร์ ตอนนี้นอกจากไต้หวันแล้วควรคิดถึงเกาหลีด้วย
ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่
อิทธิพลทางการเมืองของพวกนายทุนคนรวยเป็นต้นตอปัญหา เป็นความท้าทายของสังคมที่ต้องร่วมกันแก้ไข ลำพังการปกครองไม่ชี้ว่าจะลดหรือสร้างความเหลื่อมล้ำ
นโยบายต่างประเทศจีน2024จากมุมมองสหรัฐ
เป้าหมายนโยบายต่างประเทศคือการฟื้นฟูชาติจีนครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะใช้มุมมองจีนหรือสหรัฐ ทั้งคู่มองว่าต่างเป็นคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์และน่าจะเป็นปรปักษ์ในที่สุด