เรื่อง "กาสิโน" มีได้!
แต่ภายใต้เงื่อนไข ๒ ข้อที่ "ภาครัฐ" ต้องปฏิบัติให้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ก่อน
ข้อที่ ๑.ขณะนี้ ในจำนวน ๑๘๐ ประเทศของโลก ไทยเป็นประเทศทุจริตคอร์รัปชันทุกระบบ อันดับที่ ๑๐๘ ของโลก
ดังนั้น ถ้าจะเปิดกาสิโน ในสภาพประเทศเต็มไปด้วยข้าราชการและนักการเมือง "โกงบ้าน-กินเมือง"
กินกันเห็นๆ กินกันจะจะ ดังทุกวันนี้.....
ประเทศไทยก็คือ "ชเวโก๊กโก" หรือ "ปอยเปต" ในอนาคต!
ไทยขึ้นแท่นเป็น ศูนย์กลางค้ามนุษย์ ศูนย์กลางคอลเซ็นเตอร์ ศูนย์กลางยาเสพติด ศูนย์กลางอบายมุข และศูนย์กลางอาชญากร-อาชญากรรม "ท็อป-เทน" โลก
การตั้งกาสิโน ในขณะที่โกงแหลก-แดกสะบั้นทุกระบบ พวกที่รวยคือ "กลุ่ม-แก๊ง" นักการเมืองผสมข้าราชการบางส่วน
ที่บอกว่าจะทำให้ประเทศรวย คนมีงานทำ ชาวบ้านมีกิน มีใช้ จากกาสิโนที่บังหน้าด้วยคำว่า "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" นั้น
ไปถุยไกลๆ เลย ไป๊ยยย...
เพื่อไทยอ้าปาก นอกจากเห็นลิ้นไก่แล้ว ยังเห็น "ไอ้ตัวกินไก่" หน้าคุ้นๆ ตวัดลิ้นแผล็บๆ รออยู่ด้วย...นั่นไง!
"ภาครัฐ" ต้องไปทำการบ้านก่อน
ต้องปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันให้เห็นผล จนได้รับคะแนนความโปร่งใสจาก "องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ"
ไทยโปร่งใสด้านทุจริตคอร์รัปชันอยู่ในอันดับที่ ๑-๑๐ ได้เมื่อไหร่
เมื่อนั้น ตั้งไปเลย "กาสิโน"!
ไม่ต้องกระมิด-กระเมี้ยน ยกคำเอนเตอร์เทนเมนต์บังหน้าเพื่อซ่อนประกายตา "จ้องเขมือบ" เหมือนตอนนี้!
"นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง แถลงหลังประชุม ครม.เมื่อวาน (๑๓ ม.ค.๖๘) ว่า
ครม.เห็นชอบในหลักการ "ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร" หรือ "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
ก็พูดไปตรงๆ ชัดๆ ว่า "ตั้งบ่อนกาสิโน" มันก็สิ้นเรื่อง จะต้องกระบิด-กระบวนด้วยศัพท์หะรู-หะราให้มันรำคาญหูไปทำไม?
หนึ่งตัวอย่างที่นายจุลพันธ์ยกอ้างอิงที่ไทยต้องมีกาสิโน เขาว่างี้...
"โมเดลผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะใน "ประเทศสิงคโปร์" ที่ประสบความสำเร็จ ช่วยปรับโฉมการท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรม"
ผมไม่ขัดคอ แต่จะเสริมเหตุที่สิงคโปร์พบความสำเร็จให้ รมช.จุลพันธ์ได้ทราบ เผื่อจะได้นำไปกระซิบเจ้าของคอกหมา เป็นการบอกบุญต่อๆ กัน
ที่สิงคโปร์เขามีกาสิโนได้และพบความสำเร็จนั้น
เพราะข้าราชการ-นักการเมืองสิงคโปร์เขา "ทุจริตคอร์รัปชัน" น้อยที่้สุดในเอเชียและอาเซียน
"องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ" สำรวจ สิงคโปร์มีคะแนนโปร่งใสด้านคอร์รัปชันอันดับ ๕ ของโลก จากจำนวน ๑๘๐ ประเทศ!
ท่าน รมช.จุลพันธ์....
ถ้าจะอ้างอิงสิงคโปร์เป็นต้นแบบ ก็ต้องยกมาอ้างให้ครบ ไม่ใช่ยกแต่ด้านผล แต่ทำไม่รู้-ไม่ชี้ ด้านเหตุ
เหตุคือเขาปลอดคอร์รัปชันตั้งแต่หัวยันหาง ผลทำให้เขาตั้งกาสิโนได้ ควบคุมไม่มีนอก-มีในได้ และพบความสำเร็จ
แต่ของเรา "ลายพร้อย" ตั้งแต่ "หัวยันหาง"
ขืนทำ ประเทศพัง สังคมพินาศ มีแต่ "ตัวตะกายตึก" เท่านั้นที่...รวยเสริมโกง!
ข้อที่ ๒ ต้องทำระบบประเทศให้ "ทุกคนทัดเทียมกันทางกฎหมาย" เป็นที่ประจักษ์
กฎหมายต้องบังคับใช้กับทุกคน
"คนทำดี-ต้องได้รับการคุ้มครอง, คนทำผิด-ต้องได้รับโทษโดยไม่มีการละเว้น"
"ศาลใช้กฎหมายจำ-ราชทัณฑ์ออกระเบียบปล่อย" หรือทำให้เกิด "นักโทษเทวดา" ในกระบวนการยุติธรรมไทย อย่างนี้ต้องไม่มี
"ระบบส่วย ระบบรีดไถ ระบบค้าสำนวน ดึงคดี-ดองสำนวน คนใช้กฎหมายเป็นโจรเสียเอง แบบนี้ต้องหมดไปหรือมีน้อยที่สุด
เนี่ย...รัฐบาลบริหารสร้างคุณภาพมาตรฐานทางการใช้กฎหมายเคร่งครัด จริงจัง เสมอหน้า ได้เมื่อไหร่
ก็เป็นเครื่องหมายรับรองได้อย่างหนึ่งว่า เมื่อ "กาสิโนมี-โจรมี" ก็ให้มัน "จำกัดวงมี" อยู่แค่นั้น
จะไม่ขยาย "วงมี" ไปถึง "ผู้ใช้กฎหมาย" ด้วย!
แบบนั้น ก็พอรับประกันบ้านเมืองและสังคมได้ว่า "มีกาสิโนแล้ว ไทยจะไม่กลายเป็นชเวโก๊กโกหรือปอยเปต"
ที่รัฐบาล "ยกแม่น้ำทั้งห้า" ว่ามีกาสิโนแล้วประเทศไทยจะได้อย่างนั้น-อย่างนี้ จะเป็นเมืองฟ้าเมืองสวรรค์ สุดแต่จะสรรมาวาดวิมานนั้น
หุบปากไปเลย ไม่ต้องมาสาธยาย ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก
พายุหมุน "๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท"
แจกทันที แจกคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ใครอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป รับไปเลย
นี่แค่ ๑ ตัวอย่างเพื่อไทยที่ "พูดจริง" แต่ตอนทำเป็น "ลิงหลอกก้น"!
พายุตวัก-ตะบวยอะไรกัน
๒ ปี หมุนกะปริบ-กะปรอยไม่ต่างหมายกขาข้างเยี่ยวรดยาง พวงเศรษฐกิจงี้...บวมเป่งเลย?!
ฉะนั้น ที่ รมช.จุลพันธ์พูดแทนรัฐมนตรีคลัง แทนนายกฯ แพทองธารหรือแทนพ่อนายกฯ ด้วยก็คงไม่ผิด ว่า....
".......ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฉบับนี้ ถือว่าเป็นไปตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ข้อที่ ๗
คือเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดยเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร
นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย
การผลักดันเรื่องนี้ รัฐบาลยอมรับว่า จะไม่ใช่การผลักดันการตั้งกาสิโนถูกกฎหมายขึ้นเพียงอย่างเดียว เพราะจะเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
โมเดลการผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จ ช่วยปรับโฉมการท่องเที่ยวได้เป็นรูปธรรม
ช่วยสร้างรายได้ประชาชน และสร้างรายได้เข้ารัฐ พร้อมทั้งมีรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสม
ในที่ประชุม ครม.ยังมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่างๆ ด้วย
เช่น ต้องการให้ผลักดันกีฬาพื้นถิ่นเข้าไปในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย ทั้ง มวยไทย หรือไก่ชน
ที่ประชุมรับทราบข้อคิดเห็นทั้งหมดก่อนนำไปปรับในร่างกฎหมายต่อไป
ในส่วนการลงทุนจริงแต่ละจุดที่เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า ๑ แสนล้านบาท
คาดจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า ๑.๒-๒.๔ แสนล้านบาทต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ๕-๑๐%
โดยเฉพาะกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวได้อย่างน้อย ๑๓%
สามารถลดช่องว่างทางรายได้ระหว่างช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและนอกฤดูกาลได้แคบลงกว่าเดิม
เพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า ๒ หมื่นบาทต่อราย สร้างการจ้างงาน ๙,๐๐๐-๑๕,๐๐๐ ตำแหน่ง
การลงทุนแต่ละจุด จะช่วยสร้างรายได้ให้กับรัฐไม่ต่ำกว่า ๑.๒-๔ หมื่นล้านบาท
ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจที่เป็นโรงแรม สวนสนุก สถานที่ท่องเที่ยว อีกส่วนคือรายได้จากการพนัน
โดยรายได้ทั้งหมดนั้น จะนำไปพัฒนาประเทศ และนำกลับไปเยียวยากำกับและบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมการพนันต่อไป
"ขั้นตอนสุดท้าย อำนาจจะไปอยู่ที่รัฐสภาในการวินิจฉัยกฎหมายว่าจะต้องมีการปรับแก้ หรือปรับเพิ่มเติมตรงไหน
ในส่วนการกำหนดพื้นที่หรือกิจการ จำนวนของผู้ที่จะเข้ามาลงทุนนั้น "กระทรวงการคลัง" ไม่ได้มีอำนาจเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะการพิจารณารายละเอียดต่างๆ จะเป็นอำนาจของสำนักงานและ "กรรมการบริหารเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
จะจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฉบับนี้ จะเป็นผู้พิจารณาทั้งหมด
กระทรวงการคลังไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะมีการสร้างกี่แห่ง และไม่มีหน้าที่กำกับ
อีกทั้งในคณะกรรมการก็ไม่มี รมช.คลัง เพราะที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายให้ไปยกร่างกฎหมาย ก็ทำไปแค่นั้น
ไม่ได้ระบุว่าต้องมีจำนวนเท่าไหร่ หนักที่สุดคือ มีการบอกว่าใครจะมาทำตรงไหน
รัฐบาลยังไม่มีการพูดคุย ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยการลงทุนก็ต้องออกทีโออาร์ ผู้ลงทุนต้องเสนอเข้ามาแข่งขันกัน
ทั้งหมดนี้ คณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนดและพิจารณารายละเอียดต่อไป
ในส่วนการจัดเก็บรายได้นั้น จะมีการกำหนดให้ชัดเจนในคณะกรรมการว่าจะจัดสรรไปที่ไหนบ้าง?
เช่น สัดส่วนหลักๆ จะนำส่งคืนรัฐ เพื่อเป็นรายได้ตามกลไกของงบประมาณ
อีกส่วน จัดสรรคืนไปยังพื้นที่ หรือภาคการศึกษา และการเยียวยาต่างๆ ในมิติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ทำการจัดตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ด้วย"
ฟังแล้ว กลั่นความจริงออกมาได้ประโยคเดียวกับที่ทักษิณเคยพูด
"ผมกลับมาเลี้ยงหลาน" นั่นแหละ!
จุลพันธ์บอก "ไม่รู้จะสร้างกี่แห่ง"?
คลังไม่รู้...คลังไม่เกี่ยว "กรรมการบริหารเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" จะเป็นผู้กำหนดทั้งหมด!
โถ...น่าสงสารคลังเนอะ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง กลับต้องเอากระดูกหมามาแขวนคอ
จะออกใบอนุญาตกี่ใบ ให้ใครบ้าง สร้างที่ไหน กี่แห่ง และจะให้ใครมาเป็นกรรมการบ่อนผลาญชาตินี้บ้าง
จะให้ผมตอบแทนทักษิณหรือให้ทักษิณเขาตอบเองล่ะ..จุลพันธ์?
-เปลว สีเงิน
๑๔ มกราคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำให้โง่ 'ง่ายปกครอง'
สมมุติ "ชาวบ้าน" ไม่รู้ว่า..... "อบจ." "คืออะไร" และ "มีไว้ทำไม" เป็นเรื่้องพอเข้าใจได้
เปลี่ยน เพื่อ...เปลี่ยน!? | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
เปลี่ยน เพื่อ...เปลี่ยน!? จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568
แม่หมอ..มองทะลุ ปี 68 เปลี่ยนนายกฯ ..ยุบสภา-ลาออก!!.. I อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568
เอาซะทีเถอะน่า...กกต.!
หมาน่ะ .... จุ๊ๆ ปาก มันยังหยุด เอียงคอ ตาจ้อง หูตั้ง และฟัง แต่ที่ "นายอิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต. กระแอมถึงนายทักษิณ ผู้ช่วยหาเสียง "ผู้สมัครนายก อบจ." พรรคเพื่อไทย
ใคร 'เจ้าภาพบ้านเมือง'?
ดูคลิปและฟังคำที่.... "ทักษิณ" ทอล์กกับบรรดา "หมาในคอก" ของเขาวันก่อนแล้ว
ไอ้เสือถอย 'รอล้มล้าง'
ขบวนการ "ล้มล้างรัฐธรรมนูญ" ถอยซะแล้ว! "ประธานวันนอร์" แถลงหลังประชุมวิป ๓ ฝ่าย เมื่อวาน (๘ ม.ค.๖๘)