ไม่รู้จะแปลความอย่างไรครับ...
นอกจากรัฐบาลลักไก่!
ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาสะกิดรัฐบาลเอากลับไปทำเสียให้ถูกต้อง ให้มันครบวงจรจริงๆ
ไม่ใช่ครบจบที่ผลประโยชน์ของใครบางคน
คำแนะนำจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่บอกว่า ยังไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายนี้มุ่งหมายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด มันน่าคิดนะครับว่า
รัฐบาลตั้งใจทำให้ไม่ชัดเจน
หรือว่ามือไม่ถึงเลยไม่ชัดเจน
วานนี้ เลขาฯ คณะกรรมการกฤษฎีกา "ปกรณ์ นิลประพันธ์" บอกว่า...
"...หลักในการทำกฎหมายของรัฐบาล จะต้องยึดนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งจะต้องไปดูคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะไปดู Man-made Destiantion หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีตั้งแต่สวนสนุกอื่นๆ และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าไปอยู่ในนั้น
แต่กฎหมายที่กระทรวงการคลังร่างขึ้น ใช้ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งพูดถึงเฉพาะเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการแก้ไขปัญหาการพนัน ฉะนั้นจึงแคบกว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการ..."
"...กฤษฎีกามองว่าการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ไขปัญหาการพนันโดยตรงต้องไปแก้ไขที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งก็มีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว..."
"...จึงต้องเอาให้ชัดว่าร่างกฎหมายนี้ต้องการบรรลุวัตถุประสงค์อะไร ค่อยเสนอ ครม.ให้พิจารณา ว่าจะเน้น Man-made Destination หรือจะเน้นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่อย่างนั้นก็ร่างไม่ถูก
เพราะกระบวนการกลไกต่างกัน ถ้าเป็นเน้น Man-made Destination จะเป็นเหมือนรีสอร์ตขนาดใหญ่ มีทั้งสนามกอล์ฟ สถานบันเทิง เหมือนที่เจอในต่างประเทศ มีที่พักสำหรับครอบครัว และมีกิจกรรมของแต่ละคน มีสวนสนุกและสวนน้ำสำหรับเด็ก สุภาพสตรี มีศูนย์การค้า
ขณะที่ผู้ชายจะมีกีฬา ในส่วนของการพนันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าต้องการเช่นนี้จริงๆ ต้องขยายขอบของกฎหมายให้ครอบคลุม
จึงเสนอไปยัง ครม.ขอให้เอาให้ชัดก่อน และยืนยันว่าไม่ได้กระโดดขวาง เหมือนที่สื่อบางสำนักพาดหัวไว้..."
กรรมการกฤษฎีกาเล่นบท "สทร." แบบนี้ น่าจะทำให้ใครบางคนที่สั่งให้ร่างเขียนกฎหมายแบบเบลอๆ อ้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อเปิดกาสิโน ถึงกับจุกครับ
เบื้องต้นสังคมไทยน่าจะรู้ทันแล้วว่า ร่างกฎหมาย เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของกระทรวงการคลัง ที่ครม.เห็นชอบในหลักการนั้น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการใด
กลับไปดู นโยบายเร่งด่วนที่ ๗ ของรัฐบาลแพทองโพย อีกครั้งครับ
"เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว สานต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างการตรวจลงตรา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนสนุก สถานบันเทิงครบวงจร นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินลงสู่ผู้ประกอบการในประเทศ"
หากจะแกะตามตัวอักษร สิ่งที่รัฐบาลเน้นคือ แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า
รวมๆ แล้วคือสถานบันเทิงครบวงจร
ซึ่งไม่ได้เน้นไปที่กาสิโนถูกกฎหมายเลย
แต่เมื่อไปร่างเป็นกฎหมาย กลับเน้นกาสิโน
ให้มีการพนันถูกกฎหมาย!
สวนสนุก สวนน้ำ อาจกลายเป็นสวนทิพย์
หากไปดูการตีความ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก่อนหน้านี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ครับ
เพราะถูกยกให้เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ในการนำเอาสิ่งผิดกฎหมายใต้ดินขึ้นมาบนดิน
ไม่ว่าจะเป็นการพนันออนไลน์ พนันอย่างถูกกฎหมายได้ ภายใต้แนวคิดกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ชอบ "ซุก" กันจริง!
แต่มันก็เห็นภาพครับ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในความหมายของรัฐบาลนี้ อาจเป็นเพียงตึก ๑ ตึก ที่เป็นโรงแรมและกาสิโน
อาจมีซาวน่า สถานที่อาบน้ำชาย ปลุกย่านรัชดาฯ ให้กลับมาคึกคักอีกหน
เหมือนที่เห็นชินตาในกัมพูชา
หนักใจเรื่องสารพัดใบอนุญาตที่จะตามมา ซ่อนเงินกันไม่ทันแน่นอน
ที่แน่ๆ ไม่ใช่ แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เหมือนที่พบเห็นในสิงคโปร์
ว่าไปแล้วคณะกรรมการกฤษฎีกายังปรานีอยู่นะครับ แนะนำรัฐบาล และกระทรวงการคลังไปอย่างผู้ดี
คือ...การที่ยังไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายนี้มุ่งหมายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงให้ความเห็นข้างต้นตามหลักการทำ Regulatory Impact Assessment (RIA) หรือการวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมายเท่านั้น
และมีข้อเสนอแนะว่าหากจะเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อคณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลังต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ใด เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นร่างกฎหมายที่ทำขึ้นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการจะผลักดันนโยบายแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นหลัก
หรือจะเป็นไปตามข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎรที่มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย เพราะมีความแตกต่างกันมากในการออกแบบกลไกตามกฎหมายและโครงสร้าง
และสมควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
รวมทั้งปรับปรุงร่างให้ตรงตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
ก็ไม่น่าเชื่อนะครับว่าระดับนโยบายเรือธง จะสะเปะสะปะได้มากขนาดนี้
เอาจริงๆ บัญชีแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้กำหนดประเภทธุรกิจสถานบันเทิงไว้ ๑๐ ประเภทชัดเจน ได้แก่
๑.ห้างสรรพสินค้า
๒.โรงแรม
๓.ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์
๔.สนามกีฬา
๕.ยอชต์และครูซซิ่งคลับ
๖.สถานที่เล่นเกม
๗.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ
๘.สวนสนุก
๙.พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP
และ ๑๐.กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด
กิจการอื่นๆ ก็กาสิโนนี่แหละครับ
การออกกฎหมายเหมือนพยายามซุกกาสิโนในสวนสนุก
แต่พอไปสร้างจริงกลายเป็นสวนสนุกซุกในกาสิโน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จะล้มทั้งกระดาน
น่าเห็นใจครับ... วานนี้ (๑๒ มกราคม) หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ "พล.ต.ท. นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์" รูดซิปปากแน่น ใส่กุญแจอีก ๑๔ ชั้น ไม่บอกนักข่าวว่าส่งเอกสาร หลักฐาน การรักษาตัว "นักโทษเทวดา" ไปให้ คณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา แล้วหรือยัง
อย่าปล่อยให้เหลิง
นักร้องยังไม่ทำงาน... จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการปราศรัยของ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปยัง กกต.เลยครับ
เจอตอ ชั้น ๑๔
งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์
'ทักษิณ' ตายเพราะปาก
แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ
พ่อลูกพาลงเหว
มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ
นี่แหละตัวอันตราย
การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง