เศรษฐกิจปี68เติบโตไม่ง่าย ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

สำนักวิจัยหลากหลายสำนัก ฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 นี้ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน และการเติบโตที่เป็นไปได้มากที่สุดก็อยู่ระดับ 2.7-2.9% ซึ่งน้อยกว่าที่รัฐบาลมีการวางแผนเอาไว้ว่าจะผลักดันจีดีพีไทยปีนี้โตถึง 3%

โดยปัจจัยที่ดูแล้วน่าจะกระทบมากที่สุดหนีไม่พ้นเรื่องภาวะการค้าในตลาดโลก ซึ่งในปีนี้ไทยเราต้องเจอกับนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐประกาศชัดเจนว่าจะตั้งกำแพงภาษีนำเข้า (Tariff)

กับประเทศคู่ค้าที่เกินดุลกับสหรัฐ ซึ่งไทยเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ค้าขายแล้วเกินดุลกับสหรัฐอันดับที่ 12 ประเด็นนี้คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ไทยจะได้รับหางเลขกับนโยบายนี้หรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างไร

และในประเด็นนี้ก็อยู่ในเรดาร์การจับตาของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ก็มีความเห็นสอดรับกันว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2568 มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ทั้งจากปัจจัยเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความรุนแรงขึ้น รวมถึงนโยบายของประเทศคู่ค้าหลักที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยเฉพาะนโยบายของเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ ธปท.คาดการณ์ไว้ว่า ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์น่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย อาจเกิดได้ 3 ช่องทาง คือ 1.ช่องทางการค้า ที่ไทยส่งออกไปจีนได้น้อยลง-สินค้าไทยต้องแข่งขันกับจีนมากขึ้น (China flooding) ไทยส่งออกไปสหรัฐแทนจีน 2.ช่องทางการลงทุน อาจมีการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมาไทยหรืออาเซียน แต่ทั้งนี้อาจเกิดการชะลอการลงทุนได้จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และ 3.ช่องทางความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีน โดยเศรษฐกิจจีนชะลอผลกระทบอาจเกิดกับการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งทั้งหมดจะต้องมีการปรับแผนรับมือให้ดี

แต่ยังมีอีกประเด็นที่น่าห่วงคือ การดัมพ์ตลาดของสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาในไทย หลังจากเจอกำแพงภาษีของสหรัฐ ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยก็เจอกันแบบชิมลางไปแล้ว ส่งผลให้ธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยหลายบริษัทต้องปิดตัว จะเห็นโรงงานเลย์ออฟคนงานกันเป็นแถว ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ตกลงไปมหาศาล

และปีนี้น่าจะหนักกว่านั้น เพราะสินค้าจีนที่ถูกกีดกันจากตลาดสหรัฐอาจจะไหลทะลักย้อนกลับเข้าสู่ตลาดไทย ซึ่งหวั่นใจว่าอาจจะส่งผลเลวร้ายต่อธุรกิจเอสเอ็มอีมากกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อภาคการผลิตของไทยทั้งระบบ ยังไม่นับรวมการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจรถยนต์จากเครื่องยนต์สันดาปไปเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งก็กระทบต่อยอดการผลิต และตลาดก็มีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง นี่ก็เป็นอีกประเด็นที่กระทบต่อการจ้างงานในประเทศไทย

ทั้งนี้ หากประเมินกันแล้วยังไม่พบปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก ยกเว้นเรื่องการท่องเที่ยวที่ยังเป็นเครื่องยนต์หลักเพียงตัวเดียวที่ทำงานได้ดีที่สุด มีการประเมินกันว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทย 39 ล้านคน ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าตัวเลขจะเป็นไปได้ตามเป้าหรือไม่

แต่ที่แน่ๆ มองว่ามาตรการเงินโอนเฟส 2 และเฟส 3, มาตรการ Easy E-receipt อาจจะไม่สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้ตามที่หวังไว้

ดังนั้น สิ่งที่สามารถช่วยบูตเศรษฐกิจได้ทันทีน่าจะเป็นมาตรการการเงิน ซึ่งต้องติดตามว่าแบงก์ชาติจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกกี่ครั้งในปีนี้ แต่ดอกเบี้ยลดนั้นสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที และยิ่งในภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวด้วยแล้ว การลดดอกเบี้ยน่าจะมีส่วนช่วยในการฟื้นเศรษฐกิจเร็วที่สุด

และสุดท้ายจะปล่อยให้แบงก์ชาติทำงานกระตุ้นเศรษฐกิจฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องรอชมฝีมือการทำงานของรัฐบาลด้วยเช่นกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปี68สินเชื่อระบบแบงก์ไทยหืดจับ

ปี 2568 ยังเป็นอีกปีที่ต้องจับตากับทิศทางของเศรษฐกิจไทย เพราะยังมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งบวกและลบ ที่จะเข้ามามีผลกับภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสถานการณ์กดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน

แผนดัน ‘เกษตรครบวงจร’

อุตสาหกรรมเกษตร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย และที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปได้ด้วยสินค้าเกษตร แต่ก็มีบางช่วงที่ติดขัดและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จากปัจจัยกระทบต่างๆ

เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี

เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม

แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน

การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ

ของขวัญรัฐบาล

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว

ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ