เป้าหมายนโยบายต่างประเทศคือการฟื้นฟูชาติจีนครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะใช้มุมมองจีนหรือสหรัฐ ทั้งคู่มองว่าต่างเป็นคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์และน่าจะเป็นปรปักษ์ในที่สุด
ธันวาคม 2024 กระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยแพร่รายงานพลังอำนาจกับพัฒนาการด้านความมั่นคงจีน ฉบับปี 2024 หรือ “Military and Security Developments Involving the People’s Republic of China 2024”อธิบายผ่านมุมมองของสหรัฐ มีสาระสำคัญดังนี้
ภาพ: ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พูดคุยกับนักวิจัยดาวเทียมในมาเก๊า
เครดิตภาพ: https://english.news.cn/20241220/41dfeca8006243d99674d7d9b2cd8f4b/c.html
เป้าหมายนโยบาย 2023:
เป้าหมายหลักที่จีนระบุเมื่อปี 2023 คือ สร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน (Community of common destiny) คู่กับการสร้างระเบียบโลกใหม่ตามแนวคิดจีน สัมพันธ์กับ "การฟื้นฟูชาติจีนครั้งยิ่งใหญ่" (The great rejuvenation of the Chinese nation)
จำต้องปรับระเบียบโลก เพราะที่เป็นอยู่ไม่สนับสนุนเป้าหมายจีน ต้องการระเบียบโลกที่ “ยุติธรรมกว่าและเท่าเทียมกันยิ่งขึ้น” ในยามที่บริบทโลกปัจจุบันไร้เสถียรภาพและอันตรายกว่าเดิม ดังที่ปรากฏความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
รายงานพลังอำนาจกับพัฒนาการด้านความมั่นคงจีนชี้ว่า ตลอดปี 2023 รัฐบาลจีนบ่อนทำลายอิทธิพลสหรัฐทั่วทุกที่ ลดทอนความสัมพันธ์ความมั่นคงระหว่างสหรัฐกับประเทศหุ้นส่วน โดยเฉพาะ Five Eyes กับ AUKUS จีนกังวลที่รัฐบาลสหรัฐชี้ว่าจีนเป็นภัยคุกคาม พยายามให้พันธมิตรทั่วโลกขวางนโยบายต่างประเทศจีน ในขณะที่จีนพยายามกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น ประเทศในแอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลาตินอเมริกา และภูมิภาคตะวันออกกลาง ร่วมมือกับองค์กรภูมิภาค เช่น อาเซียน ขยายสมาชิก BRICS เพื่อต้านองค์กรฝ่ายตะวันตก อันเป็นการส่งเสริมความเป็นผู้นำฝ่ายโลกใต้ (Global South) ของจีนโดยปริยาย
วิเคราะห์: พวกประเทศตะวันตกมักมีความเจริญมากกว่า บางครั้งเรียกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่เป็นทุนนิยมเสรีประชาธิปไตย (โดยภาพรวม) พวกนี้มักตั้งอยู่ซีกโลกเหนือ ส่วนประเทศที่อยู่ทางซีกโลกใต้มักเป็นประเทศกำลังพัฒนา มักเป็นประชาธิปไตยอ่อนแอหรือเป็นอำนาจนิยม ในอีกด้านการแบ่งเป็นฝ่ายเหนือฝ่ายใต้สะท้อนความไม่สมดุลใน "ระเบียบโลก" ที่ประเทศมหาอำนาจตะวันตกมีอำนาจเหนือกว่าและได้ประโยชน์จากระเบียบโลกปัจจุบัน แต่ไหนแต่ไรรัฐบาลจีนจะยึดว่าตนอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา หวังมีส่วนจัดระเบียบโลกให้เท่าเทียมมากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของพวกซีกโลกใต้
เรื่องการปรับปรุงระเบียบโลกใหม่สอดคล้องกับสุนทรพจน์ในงานประชุมสมัชชาสหประชาชาติประจำปี 2022 ของนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ที่กล่าวว่า “โลกกำลังเจอปัญหาใหญ่ นับวันยิ่งแบ่งแยก ความไม่เท่าเทียมขยายกว้าง ความท้าทายแผ่ขยายออกไป” ต้องปรับเปลี่ยนระบบการเงินโลกปัจจุบันที่สร้างโดยประเทศร่ำรวยและเป็นผู้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากระบบการเงินโลก ต้นเหตุความไม่เท่าเทียม นับวันประเทศพัฒนากับกำลังพัฒนาจะแตกต่างมากขึ้น ไม่ไว้ใจกัน ไม่อยากร่วมมือกัน จำต้องแสวงหาทางออกร่วมกันบนพื้นฐานความปรารถนาดี ร่วมมือกันภายใต้สหประชาชาติ
รายงานฯ ชี้ว่า จีนหวังให้นานาชาติโดดเดี่ยวสหรัฐ ให้เข้าใจว่ารัฐบาลสหรัฐคือต้นเหตุความตึงเครียด แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม งานวิจัยของ Pew Research Center เมื่อปี 2023 ระบุว่า 81% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกไม่เชื่อใจสี จิ้นผิง 76% ไม่คิดว่าจีนเป็นผู้สร้างสันติภาพ
นโยบายต่างประเทศกับการป้องกันประเทศ:
รัฐบาลจีนตระหนักว่ากลไกความมั่นคงสนับสนุนนโยบายต่างประเทศ จำเป็นในยามที่สถานการณ์ภายนอกไม่มั่นคงและช่วยปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติ มักมีปฏิสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เสมอ เช่น การติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซ้อมรบร่วม พยายามผูกมิตรประเทศเชื่อมสัมพันธ์ทางทหาร
กับสหรัฐที่เป็นคู่แข่งนั้น จีนสัมพันธ์ด้วยการทูตทางทหารเพื่อเลี่ยงความขัดแย้ง ช่วยรักษาเสถียรภาพ แต่บางครั้งปรับลดความสัมพันธ์ เช่น ประเด็นไต้หวัน
ปี 2023 จีนยังคงร่วมมือกับรัสเซียต้านสหรัฐ มีวิสัยทัศน์ระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สอดรับกัน ควรตีความว่าจีนสนับสนุนรัสเซียรบยูเครน ขายสินค้าสองประสงค์ (dual-use goods คือสินค้าที่สามารถนำไปใช้ทั้งทางพลเรือนและทางทหาร) ที่จำต้องใช้ในการสร้างอาวุธ จีนมักโทษสหรัฐกับนาโตต่อสงครามนี้ เพิ่มการค้าระหว่างประเทศกับรัสเซียสูงเป็นประวัติการณ์ ไม่สนใจคำวิพากษ์จากนานาชาติ
จีนกับรัสเซียยังคงร่วมซ้อมรบต่อเนื่อง ลาดตระเวนทางอากาศร่วม ส่งสัญญาณความสัมพันธ์ทางทหารแก่นานาชาติ นอกจากนี้ยังซ้อมรบร่วม 3 ชาติกับแอฟริกาใต้ และอีกครั้งกับอิหร่าน
จีนปรับใช้บทเรียนสงครามยูเครนกับยุทธศาสตร์สหรัฐปิดล้อมจีน มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกทำต่อรัสเซียทำให้จีนเร่งพัฒนาพึ่งพาตนเองด้านการป้องกันประเทศ เทคโนโลยีและความยืดหยุ่นด้านพลังงาน (energy resilience)
จีนกลายเป็นผู้สนับสนุนหลักเกาหลีเหนือนับจากสิ้นสหภาพโซเวียต เป็นคู่ค้ารายใหญ่สุด เกาหลีเหนือพึ่งพานำเข้าพลังงาน ปุ๋ยและอาหารจากจีน เพราะเห็นว่าเกาหลีเหนือเป็นรัฐกันชนของตน ระมัดระวังหากต้องคว่ำบาตรเศรษฐกิจ เกรงว่าจะสะเทือนความมั่นคงรัฐบาลเกาหลีเหนือ แต่จีนไม่สนับสนุนการทหารดังเช่นที่รัสเซียช่วยเกาหลีเหนือเพราะขัดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคง เป็นท่าทีที่จีนยึดถือเรื่อยมา
จีนรักษาระยะห่างความสัมพันธ์กับกลุ่มตัวแทนอิหร่าน (Iranian Proxies) ไม่พยายามใกล้ชิด เช่น ฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน ฮูตีในเยเมน กองกำลังที่อิหร่านสนับสนุนในอิรัก แต่ไม่ประณามกลุ่มเหล่านี้ เช่น ฮูตีที่ขัดขวางการเดินเรือในทะเลแดง
จีนสนใจสถานการณ์ในอัฟกานิสถานที่ตอนนี้อยู่ใต้การปกครองของตอลิบัน เพราะกองกำลังติดอาวุธมุสลิมในมณฑลซินเจียง โดยเฉพาะพวกอุยกูร์สุดโต่งสัมพันธ์กับอัฟกานิสถาน
จีนแสดงท่าทีผู้รักสันติภาพ หวังสงครามฮามาส-อิสราเอลยุติโดยเร็ว ส่งเสริมแนวทางทวิรัฐ (two-state solution) มักวิพากษ์สหรัฐที่ช่วยอิสราเอลทำให้ความขัดแย้งบานปลาย
ทางการจีนใช้กำลังทหารกับความขัดแย้งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลจีนเรื่อยมา เป็นปัญหาเก่าที่ยังแก้ไขไม่ได้
ปัญหาทะเลจีนใต้เป็นหนึ่งในความขัดแย้งหลัก เป็นพื้นที่สำคัญ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมันกับสินค้า รัฐบาลจีนยืนกรานว่าเป็นพื้นที่ของตนตามเส้นประ (dashed line) ที่วาดเอาเอง สร้างความขัดแย้งกับบรูไน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประเทศบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับฟิลิปปินส์
จีนกับญี่ปุ่นพิพาท EEZs ในทะเลจีนตะวันออก หมู่เกาะเซนกากุ (Senkaku Islands) ปัญหาเหล่านี้ยังคงอยู่
ในด้านความสัมพันธ์ทางทหาร รายงานฯ ชี้ว่าจีนใกล้ชิดกับรัสเซียมากที่สุด ช่วยรัสเซียทางอ้อมขายสินค้าสองประสงค์ เพิ่มการค้าทวิภาคีอย่างรวดเร็วในยามที่รัฐบาลสหรัฐกับพวกคว่ำบาตรรัสเซีย
เมื่อมองรอบสถานการณ์โลกจะพบว่าจีนในยามนี้ไม่สนใจบทบาทการทหารโดยเฉพาะการทำศึกสงครามกับใคร จากนโยบายแม่บทที่ตอนนี้ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนามากที่สุด เร่งขยายการค้าระหว่างประเทศซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนา ชีวิตความเป็นของคนจีนกว่า 1,400 ล้านคน ซึ่งตอนนี้เห็นผลค่อนข้างชัดอยู่แล้ว สังคมจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมจีนโดดเด่น เป็นโรงงานผลิตสินค้าป้อนตลาดโลกที่ใหญ่ที่สุด ความขัดแย้งจากการทำสงครามทำลายบรรยากาศการค้าการลงทุน ขัดขวางเป้าหมายตามนโยบาย
อย่างไรก็ตาม จีนตระหนักเหมือนที่สหรัฐเข้าใจ คือ มหาอำนาจมักเผชิญหน้ากัน เฉพาะจีนกับสหรัฐนับวันจะแรงมากขึ้น ผลประโยชน์ขัดแย้ง รัฐบาลสหรัฐกระชับมาตรการปิดล้อมหนักขึ้นทุกที โลกกำลังแบ่งขั้วชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งด้านการค้าการลงทุน เทคโนโลยี การเมืองระหว่างประเทศ รัฐบาลสหรัฐกีดกันแม้กระทั่งนักศึกษาจีน สถานการณ์เช่นนี้น่าจะรุนแรงขึ้นในปี 2025 นี้
ไม่ว่าจะใช้มุมมองจีนหรือสหรัฐ ทั้งคู่มองว่าต่างเป็นคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์และน่าจะเป็นปรปักษ์ในที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับสหรัฐ2025 (2)
จุดยืนร่วมจีน รัสเซีย และอิหร่าน 2025 บ่งบอกว่าจีนกับรัสเซียทนไม่ได้ที่รัฐบาลสหรัฐเล่นงานอิหร่านด้วยโครงการนิวเคลียร์อีกแล้ว
โครงการนิวเคลียร์อิหร่านกับสหรัฐ 2025 (1)
การเจรจารอบปี 2025 คือการเริ่มเล่นงานอิหร่านอีกครั้ง อาจต่างกันที่รายละเอียดวิธีการตามบริบทล่าสุด เป้าหมายสุดท้ายคือล้มระบอบอิหร่าน
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (3)
รัสเซียหวังระบบโลกหลายแกนนำที่มีความเท่าเทียมมากขึ้น อันจะส่งเสริมความมั่นคงของตน แต่เท่ากับขัดขวางฝ่ายตรงข้าม
เจ้าพ่อทรัมป์ (Trump the Godfather)
ทรัมป์ไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องรวมสมาชิกรัฐสภารีพับลิกัน รวมทั้งคนอเมริกันหลายล้านคนที่สนับสนุนอย่างแข็งขัน เป็นพวกอำนาจนิยม
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (2)
Russian Foreign Policy Concept 2023 สะท้อนมุมมองสถานการณ์โลก โดยเฉพาะส่วนที่รัสเซียกำลังเผชิญ วิสัยทัศน์อนาคตโลก
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (1)
Russian Foreign Policy Concept 2023 มีรายละเอียดมาก ช่วยให้เข้าใจนโยบายต่างประเทศรัสเซียได้เป็นอย่างดี